GeForce RTX 3080 เทียบกับ GTX 1650 Max-Q
คะแนนประสิทธิภาพรวม
เราได้เปรียบเทียบ GeForce GTX 1650 Max-Q กับ GeForce RTX 3080 รวมถึงสเปกและข้อมูลประสิทธิภาพ
RTX 3080 มีประสิทธิภาพดีกว่า GTX 1650 Max-Q อย่างมหาศาลถึง 305% ตามผลการทดสอบแบบรวมของเรา
รายละเอียดหลัก
สถาปัตยกรรม GPU, กลุ่มตลาด, ความคุ้มค่า และพารามิเตอร์ทั่วไปอื่นๆ ที่ถูกนำมาเปรียบเทียบ
ตำแหน่งในการจัดอันดับประสิทธิภาพ | 342 | 29 |
จัดอันดับตามความนิยม | ไม่ได้อยู่ใน 100 อันดับแรก | ไม่ได้อยู่ใน 100 อันดับแรก |
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา | ไม่มีข้อมูล | 46.44 |
ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 37.06 | 14.08 |
สถาปัตยกรรม | Turing (2018−2022) | Ampere (2020−2024) |
ชื่อรหัส GPU | TU117 | GA102 |
ประเภทตลาด | แล็ปท็อป | เดสก์ท็อป |
วันที่วางจำหน่าย | 23 เมษายน 2019 (เมื่อ 5 ปี ปีที่แล้ว) | 1 กันยายน 2020 (เมื่อ 4 ปี ปีที่แล้ว) |
ราคาเปิดตัว (MSRP) | ไม่มีข้อมูล | $699 |
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
อัตราส่วนประสิทธิภาพต่อราคา ยิ่งสูงยิ่งดี
สเปกโดยละเอียด
พารามิเตอร์ทั่วไป เช่น จำนวนเชดเดอร์, ความถี่พื้นฐานและความถี่บูสต์ของ GPU, กระบวนการผลิต, ความเร็วการประมวลผลและการเท็กซ์เจอร์ โปรดทราบว่าการใช้พลังงานของการ์ดจอบางรุ่นอาจเกินกว่า TDP ที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะเมื่อทำการโอเวอร์คล็อก
พาธไลน์ / คอร์ CUDA | 1024 | 8704 |
ความเร็วสัญญาณนาฬิกาหลัก | 930 MHz | 1440 MHz |
เพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกา | 1125 MHz | 1710 MHz |
จำนวนทรานซิสเตอร์ | 4,700 million | 28,300 million |
เทคโนโลยีกระบวนการผลิต | 12 nm | 8 nm |
การใช้พลังงาน (TDP) | 30 Watt | 320 Watt |
อัตราการเติมเท็กซ์เจอร์ | 72.00 | 465.1 |
ประสิทธิภาพการประมวลผลจุดลอยตัว | 2.304 TFLOPS | 29.77 TFLOPS |
ROPs | 32 | 96 |
TMUs | 64 | 272 |
Tensor Cores | ไม่มีข้อมูล | 272 |
Ray Tracing Cores | ไม่มีข้อมูล | 68 |
ฟอร์มแฟกเตอร์และความเข้ากันได้
ข้อมูลเกี่ยวกับความเข้ากันได้กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่นๆ มีประโยชน์เมื่อเลือกการกำหนดค่าคอมพิวเตอร์ในอนาคตหรืออัปเกรดคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ สำหรับการ์ดจอเดสก์ท็อป จะรวมถึงอินเทอร์เฟซและบัส (ความเข้ากันได้กับเมนบอร์ด) และขั้วต่อไฟเพิ่มเติม (ความเข้ากันได้กับหน่วยจ่ายไฟ)
ขนาดแล็ปท็อป | medium sized | ไม่มีข้อมูล |
อินเทอร์เฟซ | PCIe 3.0 x16 | PCIe 4.0 x16 |
ความยาว | ไม่มีข้อมูล | 285 mm |
ความกว้าง | ไม่มีข้อมูล | 2-slot |
ขั้วต่อพลังงานเสริม | None | 1x 12-pin |
ความจุและประเภทของ VRAM
พารามิเตอร์ของ VRAM ที่ติดตั้ง: ประเภท, ขนาด, บัส, ความถี่ และแบนด์วิดท์ที่ได้ GPU แบบรวมไม่มี VRAM เฉพาะ และใช้ส่วนแบ่งของ RAM ระบบแทน
ประเภทหน่วยความจำ | GDDR5 | GDDR6X |
จำนวน RAM สูงสุด | 4 จีบี | 10 จีบี |
ความกว้างบัสหน่วยความจำ | 128 Bit | 320 Bit |
ความเร็วของนาฬิกาหน่วยความจำ | 1751 MHz | 1188 MHz |
112.1 จีบี/s | 760.3 จีบี/s | |
หน่วยความจำที่ใช้ร่วมกัน | - | - |
การเชื่อมต่อและเอาต์พุต
ประเภทและจำนวนของตัวเชื่อมต่อวิดีโอที่มีใน GPU ที่รีวิว โดยทั่วไป ข้อมูลในส่วนนี้จะแม่นยำเฉพาะสำหรับการ์ดเดสก์ท็อปแบบอ้างอิง (หรือที่เรียกว่า Founders Edition สำหรับชิป NVIDIA) ผู้ผลิต OEM อาจเปลี่ยนแปลงจำนวนและประเภทของพอร์ตเอาต์พุต ในขณะที่สำหรับการ์ดโน้ตบุ๊ก ความพร้อมใช้งานของพอร์ตวิดีโอบางประเภทขึ้นอยู่กับรุ่นของแล็ปท็อปมากกว่าตัวการ์ดเอง
ขั้วต่อจอแสดงผล | No outputs | 1x HDMI, 3x DisplayPort |
HDMI | - | + |
ความเข้ากันได้ของ API และ SDK
รายการ API สำหรับการประมวลผล 3D และการประมวลผลทั่วไปที่รองรับ รวมถึงเวอร์ชันเฉพาะ
DirectX | 12 (12_1) | 12 Ultimate (12_2) |
รุ่นเชดเดอร์ | 6.5 | 6.5 |
OpenGL | 4.6 | 4.6 |
OpenCL | 1.2 | 2.0 |
Vulkan | 1.2.140 | 1.2 |
CUDA | 7.5 | 8.5 |
DLSS | - | + |
ประสิทธิภาพการทดสอบแบบสังเคราะห์
การเปรียบเทียบผลการทดสอบที่ไม่เกี่ยวกับเกม โดยคะแนนรวมวัดบนมาตราส่วน 0-100 คะแนน
คะแนนรวมของการทดสอบแบบสังเคราะห์
นี่คือคะแนนการทดสอบแบบรวมของเรา
Passmark
นี่คือการทดสอบ GPU ที่พบได้บ่อยที่สุด โดยจะประเมินการ์ดจอภายใต้ภาระงานหลากหลายประเภท โดยให้การทดสอบแยกต่างหาก 4 ครั้งสำหรับ Direct3D เวอร์ชัน 9, 10, 11 และ 12 (เวอร์ชันสุดท้ายใช้ความละเอียด 4K หากทำได้) รวมถึงการทดสอบเพิ่มเติมที่ใช้คุณสมบัติ DirectCompute
3DMark 11 Performance GPU
3DMark 11 เป็นการทดสอบ DirectX 11 เก่าโดย Futuremark ซึ่งประกอบไปด้วย 4 การทดสอบจาก 2 ฉาก: ฉากแรกแสดงการสำรวจซากเรือจมใต้น้ำโดยเรือดำน้ำหลายลำ อีกฉากหนึ่งแสดงวัดร้างลึกเข้าไปในป่าทึบ การทดสอบทั้งหมดใช้แสงวอลุ่ม (Volumetric Lighting) และ Tessellation อย่างหนัก แม้จะใช้ความละเอียด 1280x720 แต่ก็ยังค่อนข้างกินทรัพยากรฮาร์ดแวร์ ยกเลิกไปในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย Time Spy
3DMark Vantage Performance
3DMark Vantage เป็นการทดสอบ DirectX 10 เก่าที่ใช้ความละเอียด 1280x1024 โดยมีฉากหลัก 2 ฉาก: ฉากแรกแสดงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งหนีออกจากฐานทัพในถ้ำกลางทะเล และอีกฉากหนึ่งแสดงยานอวกาศบุกโจมตีดาวเคราะห์ที่ไร้การป้องกัน ยกเลิกไปในเดือนเมษายน 2017 และแนะนำให้ใช้การทดสอบ Time Spy แทน
3DMark Fire Strike Graphics
Fire Strike เป็นการทดสอบ DirectX 11 สำหรับเกมพีซี ประกอบด้วยการทดสอบ 2 ฉากที่แสดงการต่อสู้ระหว่างมนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่ทำจากลาวา ใช้ความละเอียด 1920x1080 และสามารถแสดงกราฟิกที่สมจริง กินทรัพยากรฮาร์ดแวร์สูง
3DMark Cloud Gate GPU
Cloud Gate เป็นการทดสอบ DirectX 11 ระดับ 10 ที่ล้าสมัย ซึ่งเคยใช้สำหรับพีซีตามบ้านและแล็ปท็อปพื้นฐาน แสดงฉากการปล่อยยานอวกาศผ่านอุปกรณ์เทเลพอร์ตอวกาศประหลาด ด้วยความละเอียด 1280x720 เช่นเดียวกับ Ice Storm Benchmark ถูกยกเลิกในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย 3DMark Night Raid
3DMark Ice Storm GPU
Ice Storm Graphics เป็นการทดสอบล้าสมัยในชุดการทดสอบ 3DMark ซึ่งเคยใช้วัดประสิทธิภาพของแล็ปท็อประดับเริ่มต้นและแท็บเล็ต Windows ใช้คุณสมบัติของ DirectX 11 ระดับ 9 ในการแสดงฉากต่อสู้ระหว่างยานอวกาศสองกองใกล้กับดาวเคราะห์น้ำแข็งที่ความละเอียด 1280x720 ยกเลิกไปในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย 3DMark Night Raid
ประสิทธิภาพในการเล่นเกม
มาดูกันว่าการ์ดจอที่นำมาเปรียบเทียบเหมาะสำหรับการเล่นเกมมากน้อยแค่ไหน โดยผลการทดสอบเกมเฉพาะจะวัดเป็นเฟรมต่อวินาที (FPS)
ค่า FPS เฉลี่ยจากเกมพีซีทั้งหมด
นี่คือค่าเฉลี่ยเฟรมต่อวินาทีจากเกมยอดนิยมหลากหลายเกมในหลายความละเอียด:
Full HD | 60
−178%
| 167
+178%
|
1440p | 30
−320%
| 126
+320%
|
4K | 18
−389%
| 88
+389%
|
ต้นทุนต่อเฟรม, $
1080p | ไม่มีข้อมูล | 4.19 |
1440p | ไม่มีข้อมูล | 5.55 |
4K | ไม่มีข้อมูล | 7.94 |
ประสิทธิภาพ FPS ในเกมยอดนิยม
Full HD
Low Preset
Atomic Heart | 35−40
−687%
|
307
+687%
|
Counter-Strike 2 | 27−30
−450%
|
150−160
+450%
|
Cyberpunk 2077 | 30−35
−372%
|
150−160
+372%
|
Full HD
Medium Preset
Atomic Heart | 35−40
−513%
|
239
+513%
|
Battlefield 5 | 64
−169%
|
172
+169%
|
Counter-Strike 2 | 27−30
−450%
|
150−160
+450%
|
Cyberpunk 2077 | 30−35
−331%
|
138
+331%
|
Far Cry 5 | 38
−313%
|
157
+313%
|
Fortnite | 138
−107%
|
280−290
+107%
|
Forza Horizon 4 | 74
−219%
|
230−240
+219%
|
Forza Horizon 5 | 40−45
−271%
|
152
+271%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 85
−108%
|
170−180
+108%
|
Valorant | 120−130
−172%
|
300−350
+172%
|
Full HD
High Preset
Atomic Heart | 35−40
−277%
|
147
+277%
|
Battlefield 5 | 54
−189%
|
156
+189%
|
Counter-Strike 2 | 27−30
−450%
|
150−160
+450%
|
Counter-Strike: Global Offensive | 167
−66.5%
|
270−280
+66.5%
|
Cyberpunk 2077 | 30−35
−319%
|
134
+319%
|
Dota 2 | 94
−56.4%
|
147
+56.4%
|
Far Cry 5 | 35
−329%
|
150
+329%
|
Fortnite | 80
−258%
|
280−290
+258%
|
Forza Horizon 4 | 69
−242%
|
230−240
+242%
|
Forza Horizon 5 | 40−45
−241%
|
140
+241%
|
Grand Theft Auto V | 56
−163%
|
147
+163%
|
Metro Exodus | 28
−357%
|
128
+357%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 71
−149%
|
170−180
+149%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 53
−472%
|
303
+472%
|
Valorant | 120−130
−172%
|
300−350
+172%
|
Full HD
Ultra Preset
Battlefield 5 | 49
−196%
|
145
+196%
|
Counter-Strike 2 | 27−30
−450%
|
150−160
+450%
|
Cyberpunk 2077 | 30−35
−309%
|
131
+309%
|
Dota 2 | 88
−53.4%
|
135
+53.4%
|
Far Cry 5 | 33
−324%
|
140
+324%
|
Forza Horizon 4 | 55
−329%
|
230−240
+329%
|
Forza Horizon 5 | 40−45
−290%
|
160−170
+290%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 53
−234%
|
170−180
+234%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 30
−397%
|
149
+397%
|
Valorant | 120−130
−118%
|
268
+118%
|
Full HD
Epic Preset
Fortnite | 59
−385%
|
280−290
+385%
|
1440p
High Preset
Counter-Strike: Global Offensive | 110−120
−303%
|
450−500
+303%
|
Grand Theft Auto V | 24−27
−348%
|
112
+348%
|
Metro Exodus | 16
−494%
|
95
+494%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 140−150
−18.2%
|
170−180
+18.2%
|
Valorant | 150−160
−155%
|
350−400
+155%
|
1440p
Ultra Preset
Battlefield 5 | 36
−244%
|
124
+244%
|
Counter-Strike 2 | 18−20
−289%
|
70−75
+289%
|
Cyberpunk 2077 | 14−16
−514%
|
86
+514%
|
Far Cry 5 | 30−35
−309%
|
135
+309%
|
Forza Horizon 4 | 35−40
−441%
|
200−210
+441%
|
Forza Horizon 5 | 27−30
−270%
|
100−105
+270%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 24−27
−471%
|
130−140
+471%
|
1440p
Epic Preset
Fortnite | 36
−319%
|
150−160
+319%
|
4K
High Preset
Atomic Heart | 12−14
−350%
|
50−55
+350%
|
Counter-Strike 2 | 7−8
−457%
|
35−40
+457%
|
Grand Theft Auto V | 27−30
−411%
|
143
+411%
|
Metro Exodus | 10
−550%
|
65
+550%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 18
−539%
|
115
+539%
|
Valorant | 80−85
−293%
|
300−350
+293%
|
4K
Ultra Preset
Battlefield 5 | 19
−379%
|
91
+379%
|
Counter-Strike 2 | 7−8
−457%
|
35−40
+457%
|
Cyberpunk 2077 | 6−7
−617%
|
43
+617%
|
Dota 2 | 50−55
−139%
|
129
+139%
|
Far Cry 5 | 16−18
−488%
|
94
+488%
|
Forza Horizon 4 | 24−27
−477%
|
150−160
+477%
|
Forza Horizon 5 | 12−14
−285%
|
50−55
+285%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 17
−465%
|
95−100
+465%
|
4K
Epic Preset
Fortnite | 11
−618%
|
75−80
+618%
|
1440p
High Preset
Counter-Strike 2 | 55−60
+0%
|
55−60
+0%
|
นี่คือวิธีที่ GTX 1650 Max-Q และ RTX 3080 แข่งขันกันในเกมยอดนิยม:
- RTX 3080 เร็วกว่า 178% ในความละเอียด 1080p
- RTX 3080 เร็วกว่า 320% ในความละเอียด 1440p
- RTX 3080 เร็วกว่า 389% ในความละเอียด 4K
นี่คือช่วงความแตกต่างของประสิทธิภาพที่สังเกตได้จากเกมยอดนิยม:
- ในเกม Atomic Heart ด้วยความละเอียด 1080p และการตั้งค่า Low Preset อุปกรณ์ RTX 3080 เร็วกว่า 687%
โดยรวมแล้ว ในเกมยอดนิยม:
- RTX 3080 เหนือกว่าใน 63การทดสอบ (98%)
- เสมอกันใน 1การทดสอบ (2%)
สรุปข้อดีและข้อเสีย
คะแนนประสิทธิภาพ | 15.95 | 64.65 |
ความใหม่ล่าสุด | 23 เมษายน 2019 | 1 กันยายน 2020 |
จำนวน RAM สูงสุด | 4 จีบี | 10 จีบี |
การผลิตชิปด้วยลิทอกราฟี | 12 nm | 8 nm |
การใช้พลังงาน (TDP) | 30 วัตต์ | 320 วัตต์ |
GTX 1650 Max-Q มีข้อได้เปรียบ ใช้พลังงานน้อยกว่าถึง 966.7%
ในทางกลับกัน RTX 3080 มีข้อได้เปรียบ มีคะแนนประสิทธิภาพรวมสูงกว่าถึง 305.3% และได้เปรียบด้านอายุการเปิดตัวอยู่ที่ 1 ปี และและมีกระบวนการลิทอกราฟีที่ก้าวหน้ากว่าถึง 50%
GeForce RTX 3080 เป็นตัวเลือกที่เราแนะนำ เนื่องจากมีประสิทธิภาพเหนือกว่า GeForce GTX 1650 Max-Q ในการทดสอบประสิทธิภาพ
โปรดทราบว่า GeForce GTX 1650 Max-Q เป็นการ์ดจอโน้ตบุ๊ก ในขณะที่ GeForce RTX 3080 เป็นการ์ดจอเดสก์ท็อป