GeForce RTX 3080 เทียบกับ Radeon Pro 5500M
คะแนนประสิทธิภาพรวม
เราได้เปรียบเทียบ Radeon Pro 5500M กับ GeForce RTX 3080 รวมถึงสเปกและข้อมูลประสิทธิภาพ
RTX 3080 มีประสิทธิภาพดีกว่า Pro 5500M อย่างมหาศาลถึง 271% ตามผลการทดสอบแบบรวมของเรา
รายละเอียดหลัก
สถาปัตยกรรม GPU, กลุ่มตลาด, ความคุ้มค่า และพารามิเตอร์ทั่วไปอื่นๆ ที่ถูกนำมาเปรียบเทียบ
ตำแหน่งในการจัดอันดับประสิทธิภาพ | 319 | 29 |
จัดอันดับตามความนิยม | ไม่ได้อยู่ใน 100 อันดับแรก | ไม่ได้อยู่ใน 100 อันดับแรก |
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา | ไม่มีข้อมูล | 46.44 |
ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 14.24 | 14.04 |
สถาปัตยกรรม | RDNA 1.0 (2019−2020) | Ampere (2020−2024) |
ชื่อรหัส GPU | Navi 14 | GA102 |
ประเภทตลาด | เวิร์กสเตชันแบบพกพา | เดสก์ท็อป |
วันที่วางจำหน่าย | 13 พฤศจิกายน 2019 (เมื่อ 5 ปี ปีที่แล้ว) | 1 กันยายน 2020 (เมื่อ 4 ปี ปีที่แล้ว) |
ราคาเปิดตัว (MSRP) | ไม่มีข้อมูล | $699 |
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
อัตราส่วนประสิทธิภาพต่อราคา ยิ่งสูงยิ่งดี
สเปกโดยละเอียด
พารามิเตอร์ทั่วไป เช่น จำนวนเชดเดอร์, ความถี่พื้นฐานและความถี่บูสต์ของ GPU, กระบวนการผลิต, ความเร็วการประมวลผลและการเท็กซ์เจอร์ โปรดทราบว่าการใช้พลังงานของการ์ดจอบางรุ่นอาจเกินกว่า TDP ที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะเมื่อทำการโอเวอร์คล็อก
พาธไลน์ / คอร์ CUDA | 1536 | 8704 |
ความเร็วสัญญาณนาฬิกาหลัก | 1000 MHz | 1440 MHz |
เพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกา | 1450 MHz | 1710 MHz |
จำนวนทรานซิสเตอร์ | 6,400 million | 28,300 million |
เทคโนโลยีกระบวนการผลิต | 7 nm | 8 nm |
การใช้พลังงาน (TDP) | 85 Watt | 320 Watt |
อัตราการเติมเท็กซ์เจอร์ | 139.2 | 465.1 |
ประสิทธิภาพการประมวลผลจุดลอยตัว | 4.454 TFLOPS | 29.77 TFLOPS |
ROPs | 32 | 96 |
TMUs | 96 | 272 |
Tensor Cores | ไม่มีข้อมูล | 272 |
Ray Tracing Cores | ไม่มีข้อมูล | 68 |
ฟอร์มแฟกเตอร์และความเข้ากันได้
ข้อมูลเกี่ยวกับความเข้ากันได้กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่นๆ มีประโยชน์เมื่อเลือกการกำหนดค่าคอมพิวเตอร์ในอนาคตหรืออัปเกรดคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ สำหรับการ์ดจอเดสก์ท็อป จะรวมถึงอินเทอร์เฟซและบัส (ความเข้ากันได้กับเมนบอร์ด) และขั้วต่อไฟเพิ่มเติม (ความเข้ากันได้กับหน่วยจ่ายไฟ)
ขนาดแล็ปท็อป | medium sized | ไม่มีข้อมูล |
อินเทอร์เฟซ | PCIe 4.0 x8 | PCIe 4.0 x16 |
ความยาว | ไม่มีข้อมูล | 285 mm |
ความกว้าง | ไม่มีข้อมูล | 2-slot |
ขั้วต่อพลังงานเสริม | None | 1x 12-pin |
ความจุและประเภทของ VRAM
พารามิเตอร์ของ VRAM ที่ติดตั้ง: ประเภท, ขนาด, บัส, ความถี่ และแบนด์วิดท์ที่ได้ GPU แบบรวมไม่มี VRAM เฉพาะ และใช้ส่วนแบ่งของ RAM ระบบแทน
ประเภทหน่วยความจำ | GDDR6 | GDDR6X |
จำนวน RAM สูงสุด | 8 จีบี | 10 จีบี |
ความกว้างบัสหน่วยความจำ | 128 Bit | 320 Bit |
ความเร็วของนาฬิกาหน่วยความจำ | 1500 MHz | 1188 MHz |
192.0 จีบี/s | 760.3 จีบี/s | |
หน่วยความจำที่ใช้ร่วมกัน | - | - |
การเชื่อมต่อและเอาต์พุต
ประเภทและจำนวนของตัวเชื่อมต่อวิดีโอที่มีใน GPU ที่รีวิว โดยทั่วไป ข้อมูลในส่วนนี้จะแม่นยำเฉพาะสำหรับการ์ดเดสก์ท็อปแบบอ้างอิง (หรือที่เรียกว่า Founders Edition สำหรับชิป NVIDIA) ผู้ผลิต OEM อาจเปลี่ยนแปลงจำนวนและประเภทของพอร์ตเอาต์พุต ในขณะที่สำหรับการ์ดโน้ตบุ๊ก ความพร้อมใช้งานของพอร์ตวิดีโอบางประเภทขึ้นอยู่กับรุ่นของแล็ปท็อปมากกว่าตัวการ์ดเอง
ขั้วต่อจอแสดงผล | No outputs | 1x HDMI, 3x DisplayPort |
HDMI | - | + |
ความเข้ากันได้ของ API และ SDK
รายการ API สำหรับการประมวลผล 3D และการประมวลผลทั่วไปที่รองรับ รวมถึงเวอร์ชันเฉพาะ
DirectX | 12 (12_1) | 12 Ultimate (12_2) |
รุ่นเชดเดอร์ | 6.5 | 6.5 |
OpenGL | 4.6 | 4.6 |
OpenCL | 2.0 | 2.0 |
Vulkan | 1.2.131 | 1.2 |
CUDA | - | 8.5 |
DLSS | - | + |
ประสิทธิภาพการทดสอบแบบสังเคราะห์
การเปรียบเทียบผลการทดสอบที่ไม่เกี่ยวกับเกม โดยคะแนนรวมวัดบนมาตราส่วน 0-100 คะแนน
คะแนนรวมของการทดสอบแบบสังเคราะห์
นี่คือคะแนนการทดสอบแบบรวมของเรา
Passmark
นี่คือการทดสอบ GPU ที่พบได้บ่อยที่สุด โดยจะประเมินการ์ดจอภายใต้ภาระงานหลากหลายประเภท โดยให้การทดสอบแยกต่างหาก 4 ครั้งสำหรับ Direct3D เวอร์ชัน 9, 10, 11 และ 12 (เวอร์ชันสุดท้ายใช้ความละเอียด 4K หากทำได้) รวมถึงการทดสอบเพิ่มเติมที่ใช้คุณสมบัติ DirectCompute
3DMark 11 Performance GPU
3DMark 11 เป็นการทดสอบ DirectX 11 เก่าโดย Futuremark ซึ่งประกอบไปด้วย 4 การทดสอบจาก 2 ฉาก: ฉากแรกแสดงการสำรวจซากเรือจมใต้น้ำโดยเรือดำน้ำหลายลำ อีกฉากหนึ่งแสดงวัดร้างลึกเข้าไปในป่าทึบ การทดสอบทั้งหมดใช้แสงวอลุ่ม (Volumetric Lighting) และ Tessellation อย่างหนัก แม้จะใช้ความละเอียด 1280x720 แต่ก็ยังค่อนข้างกินทรัพยากรฮาร์ดแวร์ ยกเลิกไปในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย Time Spy
3DMark Fire Strike Graphics
Fire Strike เป็นการทดสอบ DirectX 11 สำหรับเกมพีซี ประกอบด้วยการทดสอบ 2 ฉากที่แสดงการต่อสู้ระหว่างมนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่ทำจากลาวา ใช้ความละเอียด 1920x1080 และสามารถแสดงกราฟิกที่สมจริง กินทรัพยากรฮาร์ดแวร์สูง
3DMark Cloud Gate GPU
Cloud Gate เป็นการทดสอบ DirectX 11 ระดับ 10 ที่ล้าสมัย ซึ่งเคยใช้สำหรับพีซีตามบ้านและแล็ปท็อปพื้นฐาน แสดงฉากการปล่อยยานอวกาศผ่านอุปกรณ์เทเลพอร์ตอวกาศประหลาด ด้วยความละเอียด 1280x720 เช่นเดียวกับ Ice Storm Benchmark ถูกยกเลิกในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย 3DMark Night Raid
3DMark Ice Storm GPU
Ice Storm Graphics เป็นการทดสอบล้าสมัยในชุดการทดสอบ 3DMark ซึ่งเคยใช้วัดประสิทธิภาพของแล็ปท็อประดับเริ่มต้นและแท็บเล็ต Windows ใช้คุณสมบัติของ DirectX 11 ระดับ 9 ในการแสดงฉากต่อสู้ระหว่างยานอวกาศสองกองใกล้กับดาวเคราะห์น้ำแข็งที่ความละเอียด 1280x720 ยกเลิกไปในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย 3DMark Night Raid
ประสิทธิภาพในการเล่นเกม
มาดูกันว่าการ์ดจอที่นำมาเปรียบเทียบเหมาะสำหรับการเล่นเกมมากน้อยแค่ไหน โดยผลการทดสอบเกมเฉพาะจะวัดเป็นเฟรมต่อวินาที (FPS)
ค่า FPS เฉลี่ยจากเกมพีซีทั้งหมด
นี่คือค่าเฉลี่ยเฟรมต่อวินาทีจากเกมยอดนิยมหลากหลายเกมในหลายความละเอียด:
Full HD | 59
−183%
| 167
+183%
|
1440p | 60
−110%
| 126
+110%
|
4K | 34
−159%
| 88
+159%
|
ต้นทุนต่อเฟรม, $
1080p | ไม่มีข้อมูล | 4.19 |
1440p | ไม่มีข้อมูล | 5.55 |
4K | ไม่มีข้อมูล | 7.94 |
ประสิทธิภาพ FPS ในเกมยอดนิยม
Full HD
Low Preset
Atomic Heart | 40−45
−614%
|
307
+614%
|
Counter-Strike 2 | 30−33
−413%
|
150−160
+413%
|
Cyberpunk 2077 | 35−40
−331%
|
150−160
+331%
|
Full HD
Medium Preset
Atomic Heart | 40−45
−456%
|
239
+456%
|
Battlefield 5 | 76
−126%
|
172
+126%
|
Counter-Strike 2 | 30−33
−413%
|
150−160
+413%
|
Cyberpunk 2077 | 35−40
−294%
|
138
+294%
|
Far Cry 5 | 55−60
−180%
|
157
+180%
|
Fortnite | 90−95
−214%
|
280−290
+214%
|
Forza Horizon 4 | 65−70
−247%
|
230−240
+247%
|
Forza Horizon 5 | 41
−271%
|
152
+271%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 60−65
−190%
|
170−180
+190%
|
Valorant | 130−140
−158%
|
300−350
+158%
|
Full HD
High Preset
Atomic Heart | 40−45
−242%
|
147
+242%
|
Battlefield 5 | 62
−152%
|
156
+152%
|
Counter-Strike 2 | 30−33
−413%
|
150−160
+413%
|
Counter-Strike: Global Offensive | 208
−33.7%
|
270−280
+33.7%
|
Cyberpunk 2077 | 35−40
−283%
|
134
+283%
|
Dota 2 | 111
−32.4%
|
147
+32.4%
|
Far Cry 5 | 55−60
−168%
|
150
+168%
|
Fortnite | 90−95
−214%
|
280−290
+214%
|
Forza Horizon 4 | 65−70
−247%
|
230−240
+247%
|
Forza Horizon 5 | 45−50
−204%
|
140
+204%
|
Grand Theft Auto V | 69
−113%
|
147
+113%
|
Metro Exodus | 37
−246%
|
128
+246%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 60−65
−190%
|
170−180
+190%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 68
−346%
|
303
+346%
|
Valorant | 130−140
−158%
|
300−350
+158%
|
Full HD
Ultra Preset
Battlefield 5 | 59
−146%
|
145
+146%
|
Counter-Strike 2 | 30−33
−413%
|
150−160
+413%
|
Cyberpunk 2077 | 35−40
−274%
|
131
+274%
|
Dota 2 | 107
−26.2%
|
135
+26.2%
|
Far Cry 5 | 55
−155%
|
140
+155%
|
Forza Horizon 4 | 65−70
−247%
|
230−240
+247%
|
Forza Horizon 5 | 45−50
−270%
|
170−180
+270%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 60−65
−190%
|
170−180
+190%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 39
−282%
|
149
+282%
|
Valorant | 28
−857%
|
268
+857%
|
Full HD
Epic Preset
Fortnite | 90−95
−214%
|
280−290
+214%
|
1440p
High Preset
Counter-Strike: Global Offensive | 118
−281%
|
450−500
+281%
|
Grand Theft Auto V | 35
−220%
|
112
+220%
|
Metro Exodus | 22
−332%
|
95
+332%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 107
−63.6%
|
170−180
+63.6%
|
Valorant | 160−170
−140%
|
350−400
+140%
|
1440p
Ultra Preset
Battlefield 5 | 47
−164%
|
124
+164%
|
Counter-Strike 2 | 18−20
−268%
|
70−75
+268%
|
Cyberpunk 2077 | 14−16
−473%
|
86
+473%
|
Far Cry 5 | 40
−238%
|
135
+238%
|
Forza Horizon 4 | 40−45
−388%
|
200−210
+388%
|
Forza Horizon 5 | 30−33
−267%
|
110−120
+267%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 24−27
−431%
|
130−140
+431%
|
1440p
Epic Preset
Fortnite | 35−40
−308%
|
150−160
+308%
|
4K
High Preset
Atomic Heart | 12−14
−315%
|
50−55
+315%
|
Counter-Strike 2 | 8−9
−388%
|
35−40
+388%
|
Counter-Strike: Global Offensive | 71
−266%
|
260−270
+266%
|
Grand Theft Auto V | 25
−472%
|
143
+472%
|
Metro Exodus | 12−14
−400%
|
65
+400%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 21−24
−400%
|
115
+400%
|
Valorant | 90−95
−254%
|
300−350
+254%
|
4K
Ultra Preset
Battlefield 5 | 14
−550%
|
91
+550%
|
Counter-Strike 2 | 8−9
−388%
|
35−40
+388%
|
Cyberpunk 2077 | 6−7
−617%
|
43
+617%
|
Dota 2 | 54
−139%
|
129
+139%
|
Far Cry 5 | 20
−370%
|
94
+370%
|
Forza Horizon 4 | 27−30
−417%
|
150−160
+417%
|
Forza Horizon 5 | 14−16
−257%
|
50−55
+257%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 16−18
−500%
|
95−100
+500%
|
4K
Epic Preset
Fortnite | 16−18
−394%
|
75−80
+394%
|
1440p
High Preset
Counter-Strike 2 | 55−60
+0%
|
55−60
+0%
|
นี่คือวิธีที่ Pro 5500M และ RTX 3080 แข่งขันกันในเกมยอดนิยม:
- RTX 3080 เร็วกว่า 183% ในความละเอียด 1080p
- RTX 3080 เร็วกว่า 110% ในความละเอียด 1440p
- RTX 3080 เร็วกว่า 159% ในความละเอียด 4K
นี่คือช่วงความแตกต่างของประสิทธิภาพที่สังเกตได้จากเกมยอดนิยม:
- ในเกม Valorant ด้วยความละเอียด 1080p และการตั้งค่า Ultra Preset อุปกรณ์ RTX 3080 เร็วกว่า 857%
โดยรวมแล้ว ในเกมยอดนิยม:
- RTX 3080 เหนือกว่าใน 63การทดสอบ (98%)
- เสมอกันใน 1การทดสอบ (2%)
สรุปข้อดีและข้อเสีย
คะแนนประสิทธิภาพ | 17.61 | 65.34 |
ความใหม่ล่าสุด | 13 พฤศจิกายน 2019 | 1 กันยายน 2020 |
จำนวน RAM สูงสุด | 8 จีบี | 10 จีบี |
การผลิตชิปด้วยลิทอกราฟี | 7 nm | 8 nm |
การใช้พลังงาน (TDP) | 85 วัตต์ | 320 วัตต์ |
Pro 5500M มีข้อได้เปรียบ มีกระบวนการลิทอกราฟีที่ก้าวหน้ากว่าถึง 14.3%และใช้พลังงานน้อยกว่าถึง 276.5%
ในทางกลับกัน RTX 3080 มีข้อได้เปรียบ มีคะแนนประสิทธิภาพรวมสูงกว่าถึง 271% และได้เปรียบด้านอายุการเปิดตัวอยู่ที่ 9 เดือนและ
GeForce RTX 3080 เป็นตัวเลือกที่เราแนะนำ เนื่องจากมีประสิทธิภาพเหนือกว่า Radeon Pro 5500M ในการทดสอบประสิทธิภาพ
โปรดทราบว่า Radeon Pro 5500M เป็นการ์ดจอเวิร์กสเตชันแบบพกพา ในขณะที่ GeForce RTX 3080 เป็นการ์ดจอเดสก์ท็อป