GeForce RTX 4070 SUPER เทียบกับ GTX 1650
คะแนนประสิทธิภาพรวม
เราได้เปรียบเทียบ GeForce GTX 1650 และ GeForce RTX 4070 SUPER โดยครอบคลุมสเปกและผลการทดสอบที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
RTX 4070 SUPER มีประสิทธิภาพดีกว่า GTX 1650 อย่างมหาศาลถึง 282% ตามผลการทดสอบแบบรวมของเรา
รายละเอียดหลัก
สถาปัตยกรรม GPU, กลุ่มตลาด, ความคุ้มค่า และพารามิเตอร์ทั่วไปอื่นๆ ที่ถูกนำมาเปรียบเทียบ
ตำแหน่งในการจัดอันดับประสิทธิภาพ | 279 | 11 |
จัดอันดับตามความนิยม | 3 | 18 |
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา | 37.82 | 67.54 |
ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 18.74 | 24.39 |
สถาปัตยกรรม | Turing (2018−2022) | Ada Lovelace (2022−2024) |
ชื่อรหัส GPU | TU117 | AD104 |
ประเภทตลาด | เดสก์ท็อป | เดสก์ท็อป |
วันที่วางจำหน่าย | 23 เมษายน 2019 (เมื่อ 5 ปี ปีที่แล้ว) | 8 มกราคม 2024 (เมื่อ 1 ปี ปีที่แล้ว) |
ราคาเปิดตัว (MSRP) | $149 | $599 |
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
อัตราส่วนประสิทธิภาพต่อราคา ยิ่งสูงยิ่งดี
RTX 4070 SUPER มีความคุ้มค่ามากกว่า GTX 1650 อยู่ 79%
สเปกโดยละเอียด
พารามิเตอร์ทั่วไป เช่น จำนวนเชดเดอร์, ความถี่พื้นฐานและความถี่บูสต์ของ GPU, กระบวนการผลิต, ความเร็วการประมวลผลและการเท็กซ์เจอร์ โปรดทราบว่าการใช้พลังงานของการ์ดจอบางรุ่นอาจเกินกว่า TDP ที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะเมื่อทำการโอเวอร์คล็อก
พาธไลน์ / คอร์ CUDA | 896 | 7168 |
ความเร็วสัญญาณนาฬิกาหลัก | 1485 MHz | 1980 MHz |
เพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกา | 1665 MHz | 2475 MHz |
จำนวนทรานซิสเตอร์ | 4,700 million | 35,800 million |
เทคโนโลยีกระบวนการผลิต | 12 nm | 5 nm |
การใช้พลังงาน (TDP) | 75 Watt | 220 Watt |
อัตราการเติมเท็กซ์เจอร์ | 93.24 | 554.4 |
ประสิทธิภาพการประมวลผลจุดลอยตัว | 2.984 TFLOPS | 35.48 TFLOPS |
ROPs | 32 | 80 |
TMUs | 56 | 224 |
Tensor Cores | ไม่มีข้อมูล | 224 |
Ray Tracing Cores | ไม่มีข้อมูล | 56 |
ฟอร์มแฟกเตอร์และความเข้ากันได้
ข้อมูลเกี่ยวกับความเข้ากันได้กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่นๆ มีประโยชน์เมื่อเลือกการกำหนดค่าคอมพิวเตอร์ในอนาคตหรืออัปเกรดคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ สำหรับการ์ดจอเดสก์ท็อป จะรวมถึงอินเทอร์เฟซและบัส (ความเข้ากันได้กับเมนบอร์ด) และขั้วต่อไฟเพิ่มเติม (ความเข้ากันได้กับหน่วยจ่ายไฟ)
อินเทอร์เฟซ | PCIe 3.0 x16 | PCIe 4.0 x16 |
ความยาว | 229 mm | 267 mm |
ความกว้าง | 2-slot | 2-slot |
ขั้วต่อพลังงานเสริม | None | 1x 16-pin |
ความจุและประเภทของ VRAM
พารามิเตอร์ของ VRAM ที่ติดตั้ง: ประเภท, ขนาด, บัส, ความถี่ และแบนด์วิดท์ที่ได้ GPU แบบรวมไม่มี VRAM เฉพาะ และใช้ส่วนแบ่งของ RAM ระบบแทน
ประเภทหน่วยความจำ | GDDR5 | GDDR6X |
จำนวน RAM สูงสุด | 4 จีบี | 12 จีบี |
ความกว้างบัสหน่วยความจำ | 128 Bit | 192 Bit |
ความเร็วของนาฬิกาหน่วยความจำ | 2000 MHz | 1313 MHz |
128.0 จีบี/s | 504.2 จีบี/s | |
หน่วยความจำที่ใช้ร่วมกัน | - | - |
การเชื่อมต่อและเอาต์พุต
ประเภทและจำนวนของตัวเชื่อมต่อวิดีโอที่มีใน GPU ที่รีวิว โดยทั่วไป ข้อมูลในส่วนนี้จะแม่นยำเฉพาะสำหรับการ์ดเดสก์ท็อปแบบอ้างอิง (หรือที่เรียกว่า Founders Edition สำหรับชิป NVIDIA) ผู้ผลิต OEM อาจเปลี่ยนแปลงจำนวนและประเภทของพอร์ตเอาต์พุต ในขณะที่สำหรับการ์ดโน้ตบุ๊ก ความพร้อมใช้งานของพอร์ตวิดีโอบางประเภทขึ้นอยู่กับรุ่นของแล็ปท็อปมากกว่าตัวการ์ดเอง
ขั้วต่อจอแสดงผล | 1x DVI, 1x HDMI, 1x DisplayPort | 1x HDMI 2.1, 3x DisplayPort 1.4a |
HDMI | + | + |
ความเข้ากันได้ของ API และ SDK
รายการ API สำหรับการประมวลผล 3D และการประมวลผลทั่วไปที่รองรับ รวมถึงเวอร์ชันเฉพาะ
DirectX | 12 (12_1) | 12 Ultimate (12_2) |
รุ่นเชดเดอร์ | 6.5 | 6.7 |
OpenGL | 4.6 | 4.6 |
OpenCL | 1.2 | 3.0 |
Vulkan | 1.2.131 | 1.3 |
CUDA | 7.5 | 8.9 |
DLSS | - | + |
ประสิทธิภาพการทดสอบแบบสังเคราะห์
การเปรียบเทียบผลการทดสอบที่ไม่เกี่ยวกับเกม โดยคะแนนรวมวัดบนมาตราส่วน 0-100 คะแนน
คะแนนรวมของการทดสอบแบบสังเคราะห์
นี่คือคะแนนการทดสอบแบบรวมของเรา
Passmark
นี่คือการทดสอบ GPU ที่พบได้บ่อยที่สุด โดยจะประเมินการ์ดจอภายใต้ภาระงานหลากหลายประเภท โดยให้การทดสอบแยกต่างหาก 4 ครั้งสำหรับ Direct3D เวอร์ชัน 9, 10, 11 และ 12 (เวอร์ชันสุดท้ายใช้ความละเอียด 4K หากทำได้) รวมถึงการทดสอบเพิ่มเติมที่ใช้คุณสมบัติ DirectCompute
3DMark 11 Performance GPU
3DMark 11 เป็นการทดสอบ DirectX 11 เก่าโดย Futuremark ซึ่งประกอบไปด้วย 4 การทดสอบจาก 2 ฉาก: ฉากแรกแสดงการสำรวจซากเรือจมใต้น้ำโดยเรือดำน้ำหลายลำ อีกฉากหนึ่งแสดงวัดร้างลึกเข้าไปในป่าทึบ การทดสอบทั้งหมดใช้แสงวอลุ่ม (Volumetric Lighting) และ Tessellation อย่างหนัก แม้จะใช้ความละเอียด 1280x720 แต่ก็ยังค่อนข้างกินทรัพยากรฮาร์ดแวร์ ยกเลิกไปในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย Time Spy
3DMark Fire Strike Graphics
Fire Strike เป็นการทดสอบ DirectX 11 สำหรับเกมพีซี ประกอบด้วยการทดสอบ 2 ฉากที่แสดงการต่อสู้ระหว่างมนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่ทำจากลาวา ใช้ความละเอียด 1920x1080 และสามารถแสดงกราฟิกที่สมจริง กินทรัพยากรฮาร์ดแวร์สูง
3DMark Cloud Gate GPU
Cloud Gate เป็นการทดสอบ DirectX 11 ระดับ 10 ที่ล้าสมัย ซึ่งเคยใช้สำหรับพีซีตามบ้านและแล็ปท็อปพื้นฐาน แสดงฉากการปล่อยยานอวกาศผ่านอุปกรณ์เทเลพอร์ตอวกาศประหลาด ด้วยความละเอียด 1280x720 เช่นเดียวกับ Ice Storm Benchmark ถูกยกเลิกในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย 3DMark Night Raid
3DMark Ice Storm GPU
Ice Storm Graphics เป็นการทดสอบล้าสมัยในชุดการทดสอบ 3DMark ซึ่งเคยใช้วัดประสิทธิภาพของแล็ปท็อประดับเริ่มต้นและแท็บเล็ต Windows ใช้คุณสมบัติของ DirectX 11 ระดับ 9 ในการแสดงฉากต่อสู้ระหว่างยานอวกาศสองกองใกล้กับดาวเคราะห์น้ำแข็งที่ความละเอียด 1280x720 ยกเลิกไปในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย 3DMark Night Raid
ประสิทธิภาพในการเล่นเกม
มาดูกันว่าการ์ดจอที่นำมาเปรียบเทียบเหมาะสำหรับการเล่นเกมมากน้อยแค่ไหน โดยผลการทดสอบเกมเฉพาะจะวัดเป็นเฟรมต่อวินาที (FPS)
ค่า FPS เฉลี่ยจากเกมพีซีทั้งหมด
นี่คือค่าเฉลี่ยเฟรมต่อวินาทีจากเกมยอดนิยมหลากหลายเกมในหลายความละเอียด:
Full HD | 69
−220%
| 221
+220%
|
1440p | 41
−234%
| 137
+234%
|
4K | 25
−224%
| 81
+224%
|
ต้นทุนต่อเฟรม, $
1080p | 2.16
+25.5%
| 2.71
−25.5%
|
1440p | 3.63
+20.3%
| 4.37
−20.3%
|
4K | 5.96
+24.1%
| 7.40
−24.1%
|
ประสิทธิภาพ FPS ในเกมยอดนิยม
Full HD
Low Preset
Atomic Heart | 50−55
−331%
|
220−230
+331%
|
Counter-Strike 2 | 35−40
−417%
|
186
+417%
|
Cyberpunk 2077 | 40−45
−378%
|
196
+378%
|
Full HD
Medium Preset
Atomic Heart | 50−55
−331%
|
220−230
+331%
|
Battlefield 5 | 61
−205%
|
180−190
+205%
|
Counter-Strike 2 | 35−40
−406%
|
182
+406%
|
Cyberpunk 2077 | 40−45
−349%
|
184
+349%
|
Far Cry 5 | 69
−194%
|
203
+194%
|
Fortnite | 211
−43.1%
|
300−350
+43.1%
|
Forza Horizon 4 | 90
−227%
|
290−300
+227%
|
Forza Horizon 5 | 60
−245%
|
200−210
+245%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 90
−96.7%
|
170−180
+96.7%
|
Valorant | 292
−46.9%
|
400−450
+46.9%
|
Full HD
High Preset
Atomic Heart | 50−55
−331%
|
220−230
+331%
|
Battlefield 5 | 53
−251%
|
180−190
+251%
|
Counter-Strike 2 | 35−40
−342%
|
159
+342%
|
Counter-Strike: Global Offensive | 230−240
−20.3%
|
270−280
+20.3%
|
Cyberpunk 2077 | 40−45
−288%
|
159
+288%
|
Dota 2 | 97
−261%
|
350−400
+261%
|
Far Cry 5 | 63
−217%
|
200
+217%
|
Fortnite | 85
−255%
|
300−350
+255%
|
Forza Horizon 4 | 83
−254%
|
290−300
+254%
|
Forza Horizon 5 | 50−55
−283%
|
200−210
+283%
|
Grand Theft Auto V | 81
−114%
|
173
+114%
|
Metro Exodus | 35
−429%
|
185
+429%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 86
−106%
|
170−180
+106%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 71
−480%
|
412
+480%
|
Valorant | 260
−65%
|
400−450
+65%
|
Full HD
Ultra Preset
Battlefield 5 | 51
−265%
|
180−190
+265%
|
Counter-Strike 2 | 35−40
−286%
|
139
+286%
|
Cyberpunk 2077 | 40−45
−251%
|
144
+251%
|
Dota 2 | 92
−280%
|
350−400
+280%
|
Far Cry 5 | 59
−222%
|
190
+222%
|
Forza Horizon 4 | 65
−352%
|
290−300
+352%
|
Forza Horizon 5 | 41
−266%
|
150−160
+266%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 66
−168%
|
170−180
+168%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 41
−390%
|
201
+390%
|
Valorant | 70
−513%
|
400−450
+513%
|
Full HD
Epic Preset
Fortnite | 61
−395%
|
300−350
+395%
|
1440p
High Preset
Counter-Strike 2 | 21−24
−305%
|
85−90
+305%
|
Counter-Strike: Global Offensive | 130−140
−271%
|
500−550
+271%
|
Grand Theft Auto V | 40
−270%
|
148
+270%
|
Metro Exodus | 20
−490%
|
118
+490%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 170−180
−1.7%
|
170−180
+1.7%
|
Valorant | 177
−174%
|
450−500
+174%
|
1440p
Ultra Preset
Battlefield 5 | 39
−392%
|
190−200
+392%
|
Cyberpunk 2077 | 18−20
−411%
|
92
+411%
|
Far Cry 5 | 40
−358%
|
183
+358%
|
Forza Horizon 4 | 46
−463%
|
250−260
+463%
|
Forza Horizon 5 | 35−40
−271%
|
130−140
+271%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 31
−397%
|
154
+397%
|
1440p
Epic Preset
Fortnite | 42
−260%
|
150−160
+260%
|
4K
High Preset
Atomic Heart | 14−16
−373%
|
70−75
+373%
|
Counter-Strike 2 | 9−10
−544%
|
55−60
+544%
|
Grand Theft Auto V | 33
−403%
|
166
+403%
|
Metro Exodus | 12
−517%
|
74
+517%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 26
−412%
|
133
+412%
|
Valorant | 83
−300%
|
300−350
+300%
|
4K
Ultra Preset
Battlefield 5 | 21
−548%
|
130−140
+548%
|
Counter-Strike 2 | 9−10
−111%
|
19
+111%
|
Cyberpunk 2077 | 8−9
−450%
|
44
+450%
|
Dota 2 | 59
−273%
|
220−230
+273%
|
Far Cry 5 | 19
−442%
|
103
+442%
|
Forza Horizon 4 | 30
−627%
|
210−220
+627%
|
Forza Horizon 5 | 16−18
−253%
|
60−65
+253%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 26
−269%
|
95−100
+269%
|
4K
Epic Preset
Fortnite | 11
−618%
|
75−80
+618%
|
นี่คือวิธีที่ GTX 1650 และ RTX 4070 SUPER แข่งขันกันในเกมยอดนิยม:
- RTX 4070 SUPER เร็วกว่า 220% ในความละเอียด 1080p
- RTX 4070 SUPER เร็วกว่า 234% ในความละเอียด 1440p
- RTX 4070 SUPER เร็วกว่า 224% ในความละเอียด 4K
นี่คือช่วงความแตกต่างของประสิทธิภาพที่สังเกตได้จากเกมยอดนิยม:
- ในเกม Forza Horizon 4 ด้วยความละเอียด 4K และการตั้งค่า Ultra Preset อุปกรณ์ RTX 4070 SUPER เร็วกว่า 627%
โดยรวมแล้ว ในเกมยอดนิยม:
- โดยไม่มีข้อยกเว้น RTX 4070 SUPER เหนือกว่า GTX 1650 ในการทดสอบทั้ง 61 ครั้งของเรา
สรุปข้อดีและข้อเสีย
คะแนนประสิทธิภาพ | 20.45 | 78.04 |
ความใหม่ล่าสุด | 23 เมษายน 2019 | 8 มกราคม 2024 |
จำนวน RAM สูงสุด | 4 จีบี | 12 จีบี |
การผลิตชิปด้วยลิทอกราฟี | 12 nm | 5 nm |
การใช้พลังงาน (TDP) | 75 วัตต์ | 220 วัตต์ |
GTX 1650 มีข้อได้เปรียบ ใช้พลังงานน้อยกว่าถึง 193.3%
ในทางกลับกัน RTX 4070 SUPER มีข้อได้เปรียบ มีคะแนนประสิทธิภาพรวมสูงกว่าถึง 281.6% และได้เปรียบด้านอายุการเปิดตัวอยู่ที่ 4 ปี และและมีกระบวนการลิทอกราฟีที่ก้าวหน้ากว่าถึง 140%
GeForce RTX 4070 SUPER เป็นตัวเลือกที่เราแนะนำ เนื่องจากมีประสิทธิภาพเหนือกว่า GeForce GTX 1650 ในการทดสอบประสิทธิภาพ