GeForce RTX 5080 เทียบกับ RTX 5070
คะแนนประสิทธิภาพรวม
เราได้เปรียบเทียบ GeForce RTX 5070 และ GeForce RTX 5080 โดยครอบคลุมสเปกและผลการทดสอบที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
RTX 5080 มีประสิทธิภาพดีกว่า RTX 5070 อย่างมาก 25% ตามผลการทดสอบแบบรวมของเรา
รายละเอียดหลัก
สถาปัตยกรรม GPU, กลุ่มตลาด, ความคุ้มค่า และพารามิเตอร์ทั่วไปอื่นๆ ที่ถูกนำมาเปรียบเทียบ
ตำแหน่งในการจัดอันดับประสิทธิภาพ | 19 | 4 |
จัดอันดับตามความนิยม | 48 | 100 |
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา | 63.12 | 35.40 |
ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 20.65 | 17.93 |
สถาปัตยกรรม | Blackwell 2.0 (2025) | Blackwell 2.0 (2025) |
ชื่อรหัส GPU | GB205 | GB203 |
ประเภทตลาด | เดสก์ท็อป | เดสก์ท็อป |
วันที่วางจำหน่าย | 4 มีนาคม 2025 (ไม่เกินหนึ่งปีที่ผ่านมา) | 30 มกราคม 2025 (ไม่เกินหนึ่งปีที่ผ่านมา) |
ราคาเปิดตัว (MSRP) | $549 | $999 |
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
อัตราส่วนประสิทธิภาพต่อราคา ยิ่งสูงยิ่งดี
RTX 5070 มีความคุ้มค่ามากกว่า RTX 5080 อยู่ 78%
กราฟแบบกระจายประสิทธิภาพต่อราคา
สเปกโดยละเอียด
พารามิเตอร์ทั่วไป เช่น จำนวนเชดเดอร์, ความถี่พื้นฐานและความถี่บูสต์ของ GPU, กระบวนการผลิต, ความเร็วการประมวลผลและการเท็กซ์เจอร์ โปรดทราบว่าการใช้พลังงานของการ์ดจอบางรุ่นอาจเกินกว่า TDP ที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะเมื่อทำการโอเวอร์คล็อก
พาธไลน์ / คอร์ CUDA | 6144 | 10752 |
ความเร็วสัญญาณนาฬิกาหลัก | 2325 MHz | 2295 MHz |
เพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกา | 2512 MHz | 2617 MHz |
จำนวนทรานซิสเตอร์ | 31,100 million | 45,600 million |
เทคโนโลยีกระบวนการผลิต | 5 nm | 5 nm |
การใช้พลังงาน (TDP) | 250 Watt | 360 Watt |
อัตราการเติมเท็กซ์เจอร์ | 482.3 | 879.3 |
ประสิทธิภาพการประมวลผลจุดลอยตัว | 30.87 TFLOPS | 56.28 TFLOPS |
ROPs | 80 | 112 |
TMUs | 192 | 336 |
Tensor Cores | 192 | 336 |
Ray Tracing Cores | 48 | 84 |
ฟอร์มแฟกเตอร์และความเข้ากันได้
ข้อมูลเกี่ยวกับความเข้ากันได้กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่นๆ มีประโยชน์เมื่อเลือกการกำหนดค่าคอมพิวเตอร์ในอนาคตหรืออัปเกรดคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ สำหรับการ์ดจอเดสก์ท็อป จะรวมถึงอินเทอร์เฟซและบัส (ความเข้ากันได้กับเมนบอร์ด) และขั้วต่อไฟเพิ่มเติม (ความเข้ากันได้กับหน่วยจ่ายไฟ)
อินเทอร์เฟซ | PCIe 5.0 x16 | PCIe 5.0 x16 |
ความยาว | 245 mm | 304 mm |
ความกว้าง | 2-slot | 2-slot |
ขั้วต่อพลังงานเสริม | 1x 16-pin | 1x 16-pin |
ความจุและประเภทของ VRAM
พารามิเตอร์ของ VRAM ที่ติดตั้ง: ประเภท, ขนาด, บัส, ความถี่ และแบนด์วิดท์ที่ได้ GPU แบบรวมไม่มี VRAM เฉพาะ และใช้ส่วนแบ่งของ RAM ระบบแทน
ประเภทหน่วยความจำ | GDDR7 | GDDR7 |
จำนวน RAM สูงสุด | 12 จีบี | 16 จีบี |
ความกว้างบัสหน่วยความจำ | 192 Bit | 256 Bit |
ความเร็วของนาฬิกาหน่วยความจำ | 1750 MHz | 1875 MHz |
672.0 จีบี/s | 960.0 จีบี/s | |
หน่วยความจำที่ใช้ร่วมกัน | - | - |
Resizable BAR | + | + |
การเชื่อมต่อและเอาต์พุต
ประเภทและจำนวนของตัวเชื่อมต่อวิดีโอที่มีใน GPU ที่รีวิว โดยทั่วไป ข้อมูลในส่วนนี้จะแม่นยำเฉพาะสำหรับการ์ดเดสก์ท็อปแบบอ้างอิง (หรือที่เรียกว่า Founders Edition สำหรับชิป NVIDIA) ผู้ผลิต OEM อาจเปลี่ยนแปลงจำนวนและประเภทของพอร์ตเอาต์พุต ในขณะที่สำหรับการ์ดโน้ตบุ๊ก ความพร้อมใช้งานของพอร์ตวิดีโอบางประเภทขึ้นอยู่กับรุ่นของแล็ปท็อปมากกว่าตัวการ์ดเอง
ขั้วต่อจอแสดงผล | 1x HDMI 2.1b, 3x DisplayPort 2.1b | 1x HDMI 2.1b, 3x DisplayPort 2.1b |
HDMI | + | + |
ความเข้ากันได้ของ API และ SDK
รายการ API สำหรับการประมวลผล 3D และการประมวลผลทั่วไปที่รองรับ รวมถึงเวอร์ชันเฉพาะ
DirectX | 12 Ultimate (12_2) | 12 Ultimate (12_2) |
รุ่นเชดเดอร์ | 6.8 | 6.8 |
OpenGL | 4.6 | 4.6 |
OpenCL | 3.0 | 3.0 |
Vulkan | 1.4 | 1.4 |
CUDA | 10.1 | 10.1 |
DLSS | + | + |
ประสิทธิภาพการทดสอบแบบสังเคราะห์
การเปรียบเทียบผลการทดสอบที่ไม่เกี่ยวกับเกม โดยคะแนนรวมวัดบนมาตราส่วน 0-100 คะแนน
คะแนนรวมของการทดสอบแบบสังเคราะห์
นี่คือคะแนนการทดสอบแบบรวมของเรา
Passmark
นี่คือการทดสอบ GPU ที่พบได้บ่อยที่สุด โดยจะประเมินการ์ดจอภายใต้ภาระงานหลากหลายประเภท โดยให้การทดสอบแยกต่างหาก 4 ครั้งสำหรับ Direct3D เวอร์ชัน 9, 10, 11 และ 12 (เวอร์ชันสุดท้ายใช้ความละเอียด 4K หากทำได้) รวมถึงการทดสอบเพิ่มเติมที่ใช้คุณสมบัติ DirectCompute
3DMark 11 Performance GPU
3DMark 11 เป็นการทดสอบ DirectX 11 เก่าโดย Futuremark ซึ่งประกอบไปด้วย 4 การทดสอบจาก 2 ฉาก: ฉากแรกแสดงการสำรวจซากเรือจมใต้น้ำโดยเรือดำน้ำหลายลำ อีกฉากหนึ่งแสดงวัดร้างลึกเข้าไปในป่าทึบ การทดสอบทั้งหมดใช้แสงวอลุ่ม (Volumetric Lighting) และ Tessellation อย่างหนัก แม้จะใช้ความละเอียด 1280x720 แต่ก็ยังค่อนข้างกินทรัพยากรฮาร์ดแวร์ ยกเลิกไปในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย Time Spy
3DMark Vantage Performance
3DMark Vantage เป็นการทดสอบ DirectX 10 เก่าที่ใช้ความละเอียด 1280x1024 โดยมีฉากหลัก 2 ฉาก: ฉากแรกแสดงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งหนีออกจากฐานทัพในถ้ำกลางทะเล และอีกฉากหนึ่งแสดงยานอวกาศบุกโจมตีดาวเคราะห์ที่ไร้การป้องกัน ยกเลิกไปในเดือนเมษายน 2017 และแนะนำให้ใช้การทดสอบ Time Spy แทน
3DMark Fire Strike Graphics
Fire Strike เป็นการทดสอบ DirectX 11 สำหรับเกมพีซี ประกอบด้วยการทดสอบ 2 ฉากที่แสดงการต่อสู้ระหว่างมนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่ทำจากลาวา ใช้ความละเอียด 1920x1080 และสามารถแสดงกราฟิกที่สมจริง กินทรัพยากรฮาร์ดแวร์สูง
3DMark Cloud Gate GPU
Cloud Gate เป็นการทดสอบ DirectX 11 ระดับ 10 ที่ล้าสมัย ซึ่งเคยใช้สำหรับพีซีตามบ้านและแล็ปท็อปพื้นฐาน แสดงฉากการปล่อยยานอวกาศผ่านอุปกรณ์เทเลพอร์ตอวกาศประหลาด ด้วยความละเอียด 1280x720 เช่นเดียวกับ Ice Storm Benchmark ถูกยกเลิกในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย 3DMark Night Raid
3DMark Ice Storm GPU
Ice Storm Graphics เป็นการทดสอบล้าสมัยในชุดการทดสอบ 3DMark ซึ่งเคยใช้วัดประสิทธิภาพของแล็ปท็อประดับเริ่มต้นและแท็บเล็ต Windows ใช้คุณสมบัติของ DirectX 11 ระดับ 9 ในการแสดงฉากต่อสู้ระหว่างยานอวกาศสองกองใกล้กับดาวเคราะห์น้ำแข็งที่ความละเอียด 1280x720 ยกเลิกไปในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย 3DMark Night Raid
ประสิทธิภาพในการเล่นเกม
มาดูกันว่าการ์ดจอที่นำมาเปรียบเทียบเหมาะสำหรับการเล่นเกมมากน้อยแค่ไหน โดยผลการทดสอบเกมเฉพาะจะวัดเป็นเฟรมต่อวินาที (FPS)
ค่า FPS เฉลี่ยจากเกมพีซีทั้งหมด
นี่คือค่าเฉลี่ยเฟรมต่อวินาทีจากเกมยอดนิยมหลากหลายเกมในหลายความละเอียด:
Full HD | 214
+5.4%
| 203
−5.4%
|
1440p | 123
−30.1%
| 160
+30.1%
|
4K | 77
−41.6%
| 109
+41.6%
|
ต้นทุนต่อเฟรม, $
1080p | 2.57
+91.8%
| 4.92
−91.8%
|
1440p | 4.46
+39.9%
| 6.24
−39.9%
|
4K | 7.13
+28.5%
| 9.17
−28.5%
|
ประสิทธิภาพ FPS ในเกมยอดนิยม
Full HD
Low Preset
Counter-Strike 2 | 300−350
−3.1%
|
300−350
+3.1%
|
Cyberpunk 2077 | 170−180
−28.4%
|
220−230
+28.4%
|
Dead Island 2 | 290−300
−4.1%
|
300−350
+4.1%
|
Full HD
Medium Preset
Battlefield 5 | 180−190
−8.2%
|
190−200
+8.2%
|
Counter-Strike 2 | 300−350
−3.1%
|
300−350
+3.1%
|
Cyberpunk 2077 | 170−180
−28.4%
|
220−230
+28.4%
|
Dead Island 2 | 290−300
−4.1%
|
300−350
+4.1%
|
Far Cry 5 | 322
+36.4%
|
230−240
−36.4%
|
Fortnite | 300−350
+0%
|
300−350
+0%
|
Forza Horizon 4 | 270−280
−23.3%
|
300−350
+23.3%
|
Forza Horizon 5 | 329
+34.8%
|
240−250
−34.8%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 170−180
+0%
|
170−180
+0%
|
Valorant | 400−450
−49.9%
|
600−650
+49.9%
|
Full HD
High Preset
Battlefield 5 | 180−190
−8.2%
|
190−200
+8.2%
|
Counter-Strike 2 | 300−350
−3.1%
|
300−350
+3.1%
|
Counter-Strike: Global Offensive | 270−280
+0%
|
270−280
+0%
|
Cyberpunk 2077 | 170−180
−28.4%
|
220−230
+28.4%
|
Dead Island 2 | 290−300
−4.1%
|
300−350
+4.1%
|
Far Cry 5 | 306
+29.7%
|
230−240
−29.7%
|
Fortnite | 300−350
+0%
|
300−350
+0%
|
Forza Horizon 4 | 270−280
−23.3%
|
300−350
+23.3%
|
Forza Horizon 5 | 299
+22.5%
|
240−250
−22.5%
|
Grand Theft Auto V | 170−180
−1.8%
|
170−180
+1.8%
|
Metro Exodus | 170−180
+175%
|
65
−175%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 170−180
+0%
|
170−180
+0%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 436
+9%
|
400−450
−9%
|
Valorant | 400−450
−49.9%
|
600−650
+49.9%
|
Full HD
Ultra Preset
Battlefield 5 | 180−190
−8.2%
|
190−200
+8.2%
|
Cyberpunk 2077 | 170−180
−28.4%
|
220−230
+28.4%
|
Dead Island 2 | 290−300
−4.1%
|
300−350
+4.1%
|
Far Cry 5 | 290
+22.9%
|
230−240
−22.9%
|
Forza Horizon 4 | 270−280
−23.3%
|
300−350
+23.3%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 170−180
+0%
|
170−180
+0%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 210
−34.3%
|
282
+34.3%
|
Valorant | 400−450
−49.9%
|
600−650
+49.9%
|
Full HD
Epic Preset
Fortnite | 300−350
+0%
|
300−350
+0%
|
1440p
High Preset
Counter-Strike 2 | 210−220
−34.7%
|
290−300
+34.7%
|
Counter-Strike: Global Offensive | 500−550
+0%
|
500−550
+0%
|
Grand Theft Auto V | 140−150
−15.1%
|
160−170
+15.1%
|
Metro Exodus | 120−130
−41.8%
|
173
+41.8%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 170−180
+0%
|
170−180
+0%
|
Valorant | 450−500
+0%
|
450−500
+0%
|
1440p
Ultra Preset
Battlefield 5 | 180−190
−8.3%
|
190−200
+8.3%
|
Cyberpunk 2077 | 100−110
−38.8%
|
140−150
+38.8%
|
Dead Island 2 | 180−190
−36.4%
|
250−260
+36.4%
|
Far Cry 5 | 222
−3.2%
|
220−230
+3.2%
|
Forza Horizon 4 | 240−250
−25.4%
|
300−350
+25.4%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 166
−42.2%
|
236
+42.2%
|
1440p
Epic Preset
Fortnite | 150−160
+0%
|
150−160
+0%
|
4K
High Preset
Counter-Strike 2 | 95−100
+78.2%
|
55
−78.2%
|
Grand Theft Auto V | 160−170
−10.7%
|
180−190
+10.7%
|
Metro Exodus | 80−85
−55%
|
120−130
+55%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 150
−57.3%
|
236
+57.3%
|
Valorant | 300−350
+0%
|
300−350
+0%
|
4K
Ultra Preset
Battlefield 5 | 130−140
−1.5%
|
130−140
+1.5%
|
Counter-Strike 2 | 95−100
−38.8%
|
130−140
+38.8%
|
Cyberpunk 2077 | 50−55
−42%
|
70−75
+42%
|
Dead Island 2 | 80−85
−50%
|
120−130
+50%
|
Far Cry 5 | 116
−46.6%
|
170−180
+46.6%
|
Forza Horizon 4 | 200−210
−52.5%
|
300−350
+52.5%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 95−100
+0%
|
95−100
+0%
|
4K
Epic Preset
Fortnite | 75−80
+0%
|
75−80
+0%
|
นี่คือวิธีที่ RTX 5070 และ RTX 5080 แข่งขันกันในเกมยอดนิยม:
- RTX 5070 เร็วกว่า 5% ในความละเอียด 1080p
- RTX 5080 เร็วกว่า 30% ในความละเอียด 1440p
- RTX 5080 เร็วกว่า 42% ในความละเอียด 4K
นี่คือช่วงความแตกต่างของประสิทธิภาพที่สังเกตได้จากเกมยอดนิยม:
- ในเกม Metro Exodus ด้วยความละเอียด 1080p และการตั้งค่า High Preset อุปกรณ์ RTX 5070 เร็วกว่า 175%
- ในเกม The Witcher 3: Wild Hunt ด้วยความละเอียด 4K และการตั้งค่า High Preset อุปกรณ์ RTX 5080 เร็วกว่า 57%
โดยรวมแล้ว ในเกมยอดนิยม:
- RTX 5070 เหนือกว่าใน 8การทดสอบ (13%)
- RTX 5080 เหนือกว่าใน 40การทดสอบ (65%)
- เสมอกันใน 14การทดสอบ (23%)
สรุปข้อดีและข้อเสีย
คะแนนประสิทธิภาพ | 72.60 | 90.75 |
ความใหม่ล่าสุด | 4 มีนาคม 2025 | 30 มกราคม 2025 |
จำนวน RAM สูงสุด | 12 จีบี | 16 จีบี |
การใช้พลังงาน (TDP) | 250 วัตต์ | 360 วัตต์ |
RTX 5070 มีข้อได้เปรียบ ได้เปรียบด้านอายุการเปิดตัวอยู่ที่ 1 เดือนและใช้พลังงานน้อยกว่าถึง 44%
ในทางกลับกัน RTX 5080 มีข้อได้เปรียบ มีคะแนนประสิทธิภาพรวมสูงกว่าถึง 25% และ
GeForce RTX 5080 เป็นตัวเลือกที่เราแนะนำ เนื่องจากมีประสิทธิภาพเหนือกว่า GeForce RTX 5070 ในการทดสอบประสิทธิภาพ