Radeon RX 580 เทียบกับ RX 7600
คะแนนประสิทธิภาพรวม
เราได้เปรียบเทียบ Radeon RX 7600 และ Radeon RX 580 โดยครอบคลุมสเปกและผลการทดสอบที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
RX 7600 มีประสิทธิภาพดีกว่า RX 580 อย่างน่าประทับใจ 88% ตามผลการทดสอบแบบรวมของเรา
รายละเอียดหลัก
สถาปัตยกรรม GPU, กลุ่มตลาด, ความคุ้มค่า และพารามิเตอร์ทั่วไปอื่นๆ ที่ถูกนำมาเปรียบเทียบ
ตำแหน่งในการจัดอันดับประสิทธิภาพ | 87 | 251 |
จัดอันดับตามความนิยม | 89 | 1 |
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา | 93.49 | 17.69 |
ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 18.03 | 8.56 |
สถาปัตยกรรม | RDNA 3.0 (2022−2025) | GCN 4.0 (2016−2020) |
ชื่อรหัส GPU | Navi 33 | Polaris 20 |
ประเภทตลาด | เดสก์ท็อป | เดสก์ท็อป |
วันที่วางจำหน่าย | 24 พฤษภาคม 2023 (เมื่อ 1 ปี ปีที่แล้ว) | 18 เมษายน 2017 (เมื่อ 7 ปี ปีที่แล้ว) |
ราคาเปิดตัว (MSRP) | $269 | $229 |
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
อัตราส่วนประสิทธิภาพต่อราคา ยิ่งสูงยิ่งดี
RX 7600 มีความคุ้มค่ามากกว่า RX 580 อยู่ 428%
สเปกโดยละเอียด
พารามิเตอร์ทั่วไป เช่น จำนวนเชดเดอร์, ความถี่พื้นฐานและความถี่บูสต์ของ GPU, กระบวนการผลิต, ความเร็วการประมวลผลและการเท็กซ์เจอร์ โปรดทราบว่าการใช้พลังงานของการ์ดจอบางรุ่นอาจเกินกว่า TDP ที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะเมื่อทำการโอเวอร์คล็อก
พาธไลน์ / คอร์ CUDA | 2048 | 2304 |
ความเร็วสัญญาณนาฬิกาหลัก | 1720 MHz | 1257 MHz |
เพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกา | 2655 MHz | 1340 MHz |
จำนวนทรานซิสเตอร์ | 13,300 million | 5,700 million |
เทคโนโลยีกระบวนการผลิต | 6 nm | 14 nm |
การใช้พลังงาน (TDP) | 165 Watt | 185 Watt |
อัตราการเติมเท็กซ์เจอร์ | 339.8 | 193.0 |
ประสิทธิภาพการประมวลผลจุดลอยตัว | 21.75 TFLOPS | 6.175 TFLOPS |
ROPs | 64 | 32 |
TMUs | 128 | 144 |
Ray Tracing Cores | 32 | ไม่มีข้อมูล |
ฟอร์มแฟกเตอร์และความเข้ากันได้
ข้อมูลเกี่ยวกับความเข้ากันได้กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่นๆ มีประโยชน์เมื่อเลือกการกำหนดค่าคอมพิวเตอร์ในอนาคตหรืออัปเกรดคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ สำหรับการ์ดจอเดสก์ท็อป จะรวมถึงอินเทอร์เฟซและบัส (ความเข้ากันได้กับเมนบอร์ด) และขั้วต่อไฟเพิ่มเติม (ความเข้ากันได้กับหน่วยจ่ายไฟ)
อินเทอร์เฟซ | PCIe 4.0 x8 | PCIe 3.0 x16 |
ความยาว | 204 mm | 241 mm |
ความกว้าง | 2-slot | 2-slot |
ขั้วต่อพลังงานเสริม | 1x 8-pin | 1x 8-pin |
ความจุและประเภทของ VRAM
พารามิเตอร์ของ VRAM ที่ติดตั้ง: ประเภท, ขนาด, บัส, ความถี่ และแบนด์วิดท์ที่ได้ GPU แบบรวมไม่มี VRAM เฉพาะ และใช้ส่วนแบ่งของ RAM ระบบแทน
ประเภทหน่วยความจำ | GDDR6 | GDDR5 |
จำนวน RAM สูงสุด | 8 จีบี | 8 จีบี |
ความกว้างบัสหน่วยความจำ | 128 Bit | 256 Bit |
ความเร็วของนาฬิกาหน่วยความจำ | 2250 MHz | 2000 MHz |
288.0 จีบี/s | 256.0 จีบี/s | |
หน่วยความจำที่ใช้ร่วมกัน | - | - |
การเชื่อมต่อและเอาต์พุต
ประเภทและจำนวนของตัวเชื่อมต่อวิดีโอที่มีใน GPU ที่รีวิว โดยทั่วไป ข้อมูลในส่วนนี้จะแม่นยำเฉพาะสำหรับการ์ดเดสก์ท็อปแบบอ้างอิง (หรือที่เรียกว่า Founders Edition สำหรับชิป NVIDIA) ผู้ผลิต OEM อาจเปลี่ยนแปลงจำนวนและประเภทของพอร์ตเอาต์พุต ในขณะที่สำหรับการ์ดโน้ตบุ๊ก ความพร้อมใช้งานของพอร์ตวิดีโอบางประเภทขึ้นอยู่กับรุ่นของแล็ปท็อปมากกว่าตัวการ์ดเอง
ขั้วต่อจอแสดงผล | 1x HDMI 2.1a, 3x DisplayPort 2.1 | 1x HDMI, 3x DisplayPort |
HDMI | + | + |
ความเข้ากันได้ของ API และ SDK
รายการ API สำหรับการประมวลผล 3D และการประมวลผลทั่วไปที่รองรับ รวมถึงเวอร์ชันเฉพาะ
DirectX | 12 Ultimate (12_2) | 12 (12_0) |
รุ่นเชดเดอร์ | 6.7 | 6.4 |
OpenGL | 4.6 | 4.6 |
OpenCL | 2.2 | 2.0 |
Vulkan | 1.3 | 1.2.131 |
ประสิทธิภาพการทดสอบแบบสังเคราะห์
การเปรียบเทียบผลการทดสอบที่ไม่เกี่ยวกับเกม โดยคะแนนรวมวัดบนมาตราส่วน 0-100 คะแนน
คะแนนรวมของการทดสอบแบบสังเคราะห์
นี่คือคะแนนการทดสอบแบบรวมของเรา
Passmark
นี่คือการทดสอบ GPU ที่พบได้บ่อยที่สุด โดยจะประเมินการ์ดจอภายใต้ภาระงานหลากหลายประเภท โดยให้การทดสอบแยกต่างหาก 4 ครั้งสำหรับ Direct3D เวอร์ชัน 9, 10, 11 และ 12 (เวอร์ชันสุดท้ายใช้ความละเอียด 4K หากทำได้) รวมถึงการทดสอบเพิ่มเติมที่ใช้คุณสมบัติ DirectCompute
3DMark 11 Performance GPU
3DMark 11 เป็นการทดสอบ DirectX 11 เก่าโดย Futuremark ซึ่งประกอบไปด้วย 4 การทดสอบจาก 2 ฉาก: ฉากแรกแสดงการสำรวจซากเรือจมใต้น้ำโดยเรือดำน้ำหลายลำ อีกฉากหนึ่งแสดงวัดร้างลึกเข้าไปในป่าทึบ การทดสอบทั้งหมดใช้แสงวอลุ่ม (Volumetric Lighting) และ Tessellation อย่างหนัก แม้จะใช้ความละเอียด 1280x720 แต่ก็ยังค่อนข้างกินทรัพยากรฮาร์ดแวร์ ยกเลิกไปในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย Time Spy
3DMark Vantage Performance
3DMark Vantage เป็นการทดสอบ DirectX 10 เก่าที่ใช้ความละเอียด 1280x1024 โดยมีฉากหลัก 2 ฉาก: ฉากแรกแสดงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งหนีออกจากฐานทัพในถ้ำกลางทะเล และอีกฉากหนึ่งแสดงยานอวกาศบุกโจมตีดาวเคราะห์ที่ไร้การป้องกัน ยกเลิกไปในเดือนเมษายน 2017 และแนะนำให้ใช้การทดสอบ Time Spy แทน
3DMark Fire Strike Graphics
Fire Strike เป็นการทดสอบ DirectX 11 สำหรับเกมพีซี ประกอบด้วยการทดสอบ 2 ฉากที่แสดงการต่อสู้ระหว่างมนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่ทำจากลาวา ใช้ความละเอียด 1920x1080 และสามารถแสดงกราฟิกที่สมจริง กินทรัพยากรฮาร์ดแวร์สูง
3DMark Cloud Gate GPU
Cloud Gate เป็นการทดสอบ DirectX 11 ระดับ 10 ที่ล้าสมัย ซึ่งเคยใช้สำหรับพีซีตามบ้านและแล็ปท็อปพื้นฐาน แสดงฉากการปล่อยยานอวกาศผ่านอุปกรณ์เทเลพอร์ตอวกาศประหลาด ด้วยความละเอียด 1280x720 เช่นเดียวกับ Ice Storm Benchmark ถูกยกเลิกในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย 3DMark Night Raid
3DMark Ice Storm GPU
Ice Storm Graphics เป็นการทดสอบล้าสมัยในชุดการทดสอบ 3DMark ซึ่งเคยใช้วัดประสิทธิภาพของแล็ปท็อประดับเริ่มต้นและแท็บเล็ต Windows ใช้คุณสมบัติของ DirectX 11 ระดับ 9 ในการแสดงฉากต่อสู้ระหว่างยานอวกาศสองกองใกล้กับดาวเคราะห์น้ำแข็งที่ความละเอียด 1280x720 ยกเลิกไปในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย 3DMark Night Raid
ประสิทธิภาพในการเล่นเกม
มาดูกันว่าการ์ดจอที่นำมาเปรียบเทียบเหมาะสำหรับการเล่นเกมมากน้อยแค่ไหน โดยผลการทดสอบเกมเฉพาะจะวัดเป็นเฟรมต่อวินาที (FPS)
ค่า FPS เฉลี่ยจากเกมพีซีทั้งหมด
นี่คือค่าเฉลี่ยเฟรมต่อวินาทีจากเกมยอดนิยมหลากหลายเกมในหลายความละเอียด:
Full HD | 145
+49.5%
| 97
−49.5%
|
1440p | 67
+55.8%
| 43
−55.8%
|
4K | 35
−5.7%
| 37
+5.7%
|
ต้นทุนต่อเฟรม, $
1080p | 1.86
+27.3%
| 2.36
−27.3%
|
1440p | 4.01
+32.6%
| 5.33
−32.6%
|
4K | 7.69
−24.2%
| 6.19
+24.2%
|
ประสิทธิภาพ FPS ในเกมยอดนิยม
Full HD
Low Preset
Atomic Heart | 213
+267%
|
55−60
−267%
|
Counter-Strike 2 | 135
+229%
|
40−45
−229%
|
Cyberpunk 2077 | 148
+222%
|
45−50
−222%
|
Full HD
Medium Preset
Atomic Heart | 158
+172%
|
55−60
−172%
|
Battlefield 5 | 130−140
+8.9%
|
124
−8.9%
|
Counter-Strike 2 | 108
+163%
|
40−45
−163%
|
Cyberpunk 2077 | 117
+154%
|
45−50
−154%
|
Far Cry 5 | 183
+120%
|
83
−120%
|
Fortnite | 170−180
+12.4%
|
153
−12.4%
|
Forza Horizon 4 | 150−160
+42.6%
|
108
−42.6%
|
Forza Horizon 5 | 110−120
+93.4%
|
60−65
−93.4%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 150−160
+83.5%
|
85
−83.5%
|
Valorant | 230−240
+50%
|
150−160
−50%
|
Full HD
High Preset
Atomic Heart | 93
+60.3%
|
55−60
−60.3%
|
Battlefield 5 | 130−140
+32.4%
|
102
−32.4%
|
Counter-Strike 2 | 90
+120%
|
40−45
−120%
|
Counter-Strike: Global Offensive | 270−280
+13.5%
|
240−250
−13.5%
|
Cyberpunk 2077 | 100
+117%
|
45−50
−117%
|
Far Cry 5 | 174
+129%
|
76
−129%
|
Fortnite | 170−180
+62.3%
|
106
−62.3%
|
Forza Horizon 4 | 150−160
+52.5%
|
101
−52.5%
|
Forza Horizon 5 | 110−120
+93.4%
|
60−65
−93.4%
|
Grand Theft Auto V | 150
+94.8%
|
77
−94.8%
|
Metro Exodus | 113
+135%
|
48
−135%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 150−160
+123%
|
70
−123%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 210
+192%
|
72
−192%
|
Valorant | 230−240
+50%
|
150−160
−50%
|
Full HD
Ultra Preset
Battlefield 5 | 130−140
+45.2%
|
93
−45.2%
|
Counter-Strike 2 | 81
+97.6%
|
40−45
−97.6%
|
Cyberpunk 2077 | 90
+95.7%
|
45−50
−95.7%
|
Far Cry 5 | 163
+130%
|
71
−130%
|
Forza Horizon 4 | 150−160
+87.8%
|
82
−87.8%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 150−160
+218%
|
49
−218%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 123
+180%
|
44
−180%
|
Valorant | 230−240
+50%
|
150−160
−50%
|
Full HD
Epic Preset
Fortnite | 170−180
+115%
|
80
−115%
|
1440p
High Preset
Counter-Strike 2 | 30−35
+45.5%
|
21−24
−45.5%
|
Counter-Strike: Global Offensive | 270−280
+77.9%
|
150−160
−77.9%
|
Grand Theft Auto V | 77
+103%
|
35−40
−103%
|
Metro Exodus | 65
+132%
|
28
−132%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 170−180
+0.6%
|
170−180
−0.6%
|
Valorant | 260−270
+35.2%
|
190−200
−35.2%
|
1440p
Ultra Preset
Battlefield 5 | 100−110
+65.6%
|
60−65
−65.6%
|
Cyberpunk 2077 | 56
+167%
|
21−24
−167%
|
Far Cry 5 | 115
+135%
|
45−50
−135%
|
Forza Horizon 4 | 110−120
+109%
|
55−60
−109%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 86
+146%
|
35−40
−146%
|
1440p
Epic Preset
Fortnite | 100−110
+108%
|
50−55
−108%
|
4K
High Preset
Atomic Heart | 30−35
+94.1%
|
16−18
−94.1%
|
Counter-Strike 2 | 20−22
+100%
|
10−11
−100%
|
Grand Theft Auto V | 82
+43.9%
|
57
−43.9%
|
Metro Exodus | 38
+111%
|
18
−111%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 59
+119%
|
27
−119%
|
Valorant | 240−250
+96%
|
120−130
−96%
|
4K
Ultra Preset
Battlefield 5 | 60−65
+73%
|
37
−73%
|
Counter-Strike 2 | 11
+10%
|
10−11
−10%
|
Cyberpunk 2077 | 24
+167%
|
9−10
−167%
|
Far Cry 5 | 57
+119%
|
26
−119%
|
Forza Horizon 4 | 75−80
+87.8%
|
41
−87.8%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 55−60
+206%
|
18
−206%
|
4K
Epic Preset
Fortnite | 50−55
+130%
|
23
−130%
|
Full HD
High Preset
Dota 2 | 110−120
+0%
|
110−120
+0%
|
Full HD
Ultra Preset
Dota 2 | 110−120
+0%
|
110−120
+0%
|
Forza Horizon 5 | 60−65
+0%
|
60−65
+0%
|
1440p
Ultra Preset
Forza Horizon 5 | 35−40
+0%
|
35−40
+0%
|
4K
Ultra Preset
Dota 2 | 70−75
+0%
|
70−75
+0%
|
Forza Horizon 5 | 20−22
+0%
|
20−22
+0%
|
นี่คือวิธีที่ RX 7600 และ RX 580 แข่งขันกันในเกมยอดนิยม:
- RX 7600 เร็วกว่า 49% ในความละเอียด 1080p
- RX 7600 เร็วกว่า 56% ในความละเอียด 1440p
- RX 580 เร็วกว่า 6% ในความละเอียด 4K
นี่คือช่วงความแตกต่างของประสิทธิภาพที่สังเกตได้จากเกมยอดนิยม:
- ในเกม Atomic Heart ด้วยความละเอียด 1080p และการตั้งค่า Low Preset อุปกรณ์ RX 7600 เร็วกว่า 267%
โดยรวมแล้ว ในเกมยอดนิยม:
- RX 7600 เหนือกว่าใน 61การทดสอบ (91%)
- เสมอกันใน 6การทดสอบ (9%)
สรุปข้อดีและข้อเสีย
คะแนนประสิทธิภาพ | 42.99 | 22.87 |
ความใหม่ล่าสุด | 24 พฤษภาคม 2023 | 18 เมษายน 2017 |
การผลิตชิปด้วยลิทอกราฟี | 6 nm | 14 nm |
การใช้พลังงาน (TDP) | 165 วัตต์ | 185 วัตต์ |
RX 7600 มีข้อได้เปรียบ มีคะแนนประสิทธิภาพรวมสูงกว่าถึง 88% และได้เปรียบด้านอายุการเปิดตัวอยู่ที่ 6 ปี และมีกระบวนการลิทอกราฟีที่ก้าวหน้ากว่าถึง 133.3%และใช้พลังงานน้อยกว่าถึง 12.1%
Radeon RX 7600 เป็นตัวเลือกที่เราแนะนำ เนื่องจากมีประสิทธิภาพเหนือกว่า Radeon RX 580 ในการทดสอบประสิทธิภาพ