GeForce RTX 4070 เทียบกับ Radeon RX 5700
คะแนนประสิทธิภาพรวม
เราได้เปรียบเทียบ Radeon RX 5700 และ GeForce RTX 4070 โดยครอบคลุมสเปกและผลการทดสอบที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
RTX 4070 มีประสิทธิภาพดีกว่า RX 5700 อย่างน่าประทับใจ 87% ตามผลการทดสอบแบบรวมของเรา
รายละเอียดหลัก
สถาปัตยกรรม GPU, กลุ่มตลาด, ความคุ้มค่า และพารามิเตอร์ทั่วไปอื่นๆ ที่ถูกนำมาเปรียบเทียบ
ตำแหน่งในการจัดอันดับประสิทธิภาพ | 131 | 24 |
จัดอันดับตามความนิยม | 43 | 36 |
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา | 43.63 | 60.53 |
ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 14.29 | 24.11 |
สถาปัตยกรรม | RDNA 1.0 (2019−2020) | Ada Lovelace (2022−2024) |
ชื่อรหัส GPU | Navi 10 | AD104 |
ประเภทตลาด | เดสก์ท็อป | เดสก์ท็อป |
วันที่วางจำหน่าย | 7 กรกฎาคม 2019 (เมื่อ 5 ปี ปีที่แล้ว) | 12 เมษายน 2023 (เมื่อ 1 ปี ปีที่แล้ว) |
ราคาเปิดตัว (MSRP) | $349 | $599 |
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
อัตราส่วนประสิทธิภาพต่อราคา ยิ่งสูงยิ่งดี
RTX 4070 มีความคุ้มค่ามากกว่า RX 5700 อยู่ 39%
สเปกโดยละเอียด
พารามิเตอร์ทั่วไป เช่น จำนวนเชดเดอร์, ความถี่พื้นฐานและความถี่บูสต์ของ GPU, กระบวนการผลิต, ความเร็วการประมวลผลและการเท็กซ์เจอร์ โปรดทราบว่าการใช้พลังงานของการ์ดจอบางรุ่นอาจเกินกว่า TDP ที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะเมื่อทำการโอเวอร์คล็อก
พาธไลน์ / คอร์ CUDA | 2304 | 5888 |
ความเร็วสัญญาณนาฬิกาหลัก | 1465 MHz | 1920 MHz |
เพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกา | 1725 MHz | 2475 MHz |
จำนวนทรานซิสเตอร์ | 10,300 million | 35,800 million |
เทคโนโลยีกระบวนการผลิต | 7 nm | 5 nm |
การใช้พลังงาน (TDP) | 180 Watt | 200 Watt |
อัตราการเติมเท็กซ์เจอร์ | 248.4 | 455.4 |
ประสิทธิภาพการประมวลผลจุดลอยตัว | 7.949 TFLOPS | 29.15 TFLOPS |
ROPs | 64 | 64 |
TMUs | 144 | 184 |
Tensor Cores | ไม่มีข้อมูล | 184 |
Ray Tracing Cores | ไม่มีข้อมูล | 46 |
ฟอร์มแฟกเตอร์และความเข้ากันได้
ข้อมูลเกี่ยวกับความเข้ากันได้กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่นๆ มีประโยชน์เมื่อเลือกการกำหนดค่าคอมพิวเตอร์ในอนาคตหรืออัปเกรดคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ สำหรับการ์ดจอเดสก์ท็อป จะรวมถึงอินเทอร์เฟซและบัส (ความเข้ากันได้กับเมนบอร์ด) และขั้วต่อไฟเพิ่มเติม (ความเข้ากันได้กับหน่วยจ่ายไฟ)
อินเทอร์เฟซ | PCIe 4.0 x16 | PCIe 4.0 x16 |
ความยาว | 268 mm | 240 mm |
ความกว้าง | 2-slot | 2-slot |
ขั้วต่อพลังงานเสริม | 1x 6-pin + 1x 8-pin | 1x 16-pin |
ความจุและประเภทของ VRAM
พารามิเตอร์ของ VRAM ที่ติดตั้ง: ประเภท, ขนาด, บัส, ความถี่ และแบนด์วิดท์ที่ได้ GPU แบบรวมไม่มี VRAM เฉพาะ และใช้ส่วนแบ่งของ RAM ระบบแทน
ประเภทหน่วยความจำ | GDDR6 | GDDR6X |
จำนวน RAM สูงสุด | 8 จีบี | 12 จีบี |
ความกว้างบัสหน่วยความจำ | 256 Bit | 192 Bit |
ความเร็วของนาฬิกาหน่วยความจำ | 1750 MHz | 1313 MHz |
448.0 จีบี/s | 504.2 จีบี/s | |
หน่วยความจำที่ใช้ร่วมกัน | - | - |
การเชื่อมต่อและเอาต์พุต
ประเภทและจำนวนของตัวเชื่อมต่อวิดีโอที่มีใน GPU ที่รีวิว โดยทั่วไป ข้อมูลในส่วนนี้จะแม่นยำเฉพาะสำหรับการ์ดเดสก์ท็อปแบบอ้างอิง (หรือที่เรียกว่า Founders Edition สำหรับชิป NVIDIA) ผู้ผลิต OEM อาจเปลี่ยนแปลงจำนวนและประเภทของพอร์ตเอาต์พุต ในขณะที่สำหรับการ์ดโน้ตบุ๊ก ความพร้อมใช้งานของพอร์ตวิดีโอบางประเภทขึ้นอยู่กับรุ่นของแล็ปท็อปมากกว่าตัวการ์ดเอง
ขั้วต่อจอแสดงผล | 1x HDMI, 3x DisplayPort | 1x HDMI 2.1, 3x DisplayPort 1.4a |
HDMI | + | + |
ความเข้ากันได้ของ API และ SDK
รายการ API สำหรับการประมวลผล 3D และการประมวลผลทั่วไปที่รองรับ รวมถึงเวอร์ชันเฉพาะ
DirectX | 12 (12_1) | 12 Ultimate (12_2) |
รุ่นเชดเดอร์ | 6.5 | 6.7 |
OpenGL | 4.6 | 4.6 |
OpenCL | 2.0 | 3.0 |
Vulkan | 1.2.131 | 1.3 |
CUDA | - | 8.9 |
DLSS | - | + |
ประสิทธิภาพการทดสอบแบบสังเคราะห์
การเปรียบเทียบผลการทดสอบที่ไม่เกี่ยวกับเกม โดยคะแนนรวมวัดบนมาตราส่วน 0-100 คะแนน
คะแนนรวมของการทดสอบแบบสังเคราะห์
นี่คือคะแนนการทดสอบแบบรวมของเรา
Passmark
นี่คือการทดสอบ GPU ที่พบได้บ่อยที่สุด โดยจะประเมินการ์ดจอภายใต้ภาระงานหลากหลายประเภท โดยให้การทดสอบแยกต่างหาก 4 ครั้งสำหรับ Direct3D เวอร์ชัน 9, 10, 11 และ 12 (เวอร์ชันสุดท้ายใช้ความละเอียด 4K หากทำได้) รวมถึงการทดสอบเพิ่มเติมที่ใช้คุณสมบัติ DirectCompute
3DMark 11 Performance GPU
3DMark 11 เป็นการทดสอบ DirectX 11 เก่าโดย Futuremark ซึ่งประกอบไปด้วย 4 การทดสอบจาก 2 ฉาก: ฉากแรกแสดงการสำรวจซากเรือจมใต้น้ำโดยเรือดำน้ำหลายลำ อีกฉากหนึ่งแสดงวัดร้างลึกเข้าไปในป่าทึบ การทดสอบทั้งหมดใช้แสงวอลุ่ม (Volumetric Lighting) และ Tessellation อย่างหนัก แม้จะใช้ความละเอียด 1280x720 แต่ก็ยังค่อนข้างกินทรัพยากรฮาร์ดแวร์ ยกเลิกไปในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย Time Spy
3DMark Vantage Performance
3DMark Vantage เป็นการทดสอบ DirectX 10 เก่าที่ใช้ความละเอียด 1280x1024 โดยมีฉากหลัก 2 ฉาก: ฉากแรกแสดงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งหนีออกจากฐานทัพในถ้ำกลางทะเล และอีกฉากหนึ่งแสดงยานอวกาศบุกโจมตีดาวเคราะห์ที่ไร้การป้องกัน ยกเลิกไปในเดือนเมษายน 2017 และแนะนำให้ใช้การทดสอบ Time Spy แทน
3DMark Fire Strike Graphics
Fire Strike เป็นการทดสอบ DirectX 11 สำหรับเกมพีซี ประกอบด้วยการทดสอบ 2 ฉากที่แสดงการต่อสู้ระหว่างมนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่ทำจากลาวา ใช้ความละเอียด 1920x1080 และสามารถแสดงกราฟิกที่สมจริง กินทรัพยากรฮาร์ดแวร์สูง
3DMark Cloud Gate GPU
Cloud Gate เป็นการทดสอบ DirectX 11 ระดับ 10 ที่ล้าสมัย ซึ่งเคยใช้สำหรับพีซีตามบ้านและแล็ปท็อปพื้นฐาน แสดงฉากการปล่อยยานอวกาศผ่านอุปกรณ์เทเลพอร์ตอวกาศประหลาด ด้วยความละเอียด 1280x720 เช่นเดียวกับ Ice Storm Benchmark ถูกยกเลิกในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย 3DMark Night Raid
3DMark Ice Storm GPU
Ice Storm Graphics เป็นการทดสอบล้าสมัยในชุดการทดสอบ 3DMark ซึ่งเคยใช้วัดประสิทธิภาพของแล็ปท็อประดับเริ่มต้นและแท็บเล็ต Windows ใช้คุณสมบัติของ DirectX 11 ระดับ 9 ในการแสดงฉากต่อสู้ระหว่างยานอวกาศสองกองใกล้กับดาวเคราะห์น้ำแข็งที่ความละเอียด 1280x720 ยกเลิกไปในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย 3DMark Night Raid
ประสิทธิภาพในการเล่นเกม
มาดูกันว่าการ์ดจอที่นำมาเปรียบเทียบเหมาะสำหรับการเล่นเกมมากน้อยแค่ไหน โดยผลการทดสอบเกมเฉพาะจะวัดเป็นเฟรมต่อวินาที (FPS)
ค่า FPS เฉลี่ยจากเกมพีซีทั้งหมด
นี่คือค่าเฉลี่ยเฟรมต่อวินาทีจากเกมยอดนิยมหลากหลายเกมในหลายความละเอียด:
Full HD | 118
−82.2%
| 215
+82.2%
|
1440p | 71
−70.4%
| 121
+70.4%
|
4K | 44
−65.9%
| 73
+65.9%
|
ต้นทุนต่อเฟรม, $
1080p | 2.96
−6.2%
| 2.79
+6.2%
|
1440p | 4.92
+0.7%
| 4.95
−0.7%
|
4K | 7.93
+3.5%
| 8.21
−3.5%
|
ประสิทธิภาพ FPS ในเกมยอดนิยม
Full HD
Low Preset
Atomic Heart | 159
−101%
|
320
+101%
|
Counter-Strike 2 | 82
−102%
|
160−170
+102%
|
Cyberpunk 2077 | 84
−157%
|
216
+157%
|
Full HD
Medium Preset
Atomic Heart | 121
−107%
|
250
+107%
|
Battlefield 5 | 115
−51.3%
|
170−180
+51.3%
|
Counter-Strike 2 | 67
−148%
|
160−170
+148%
|
Cyberpunk 2077 | 75
−132%
|
174
+132%
|
Far Cry 5 | 156
−34.6%
|
210
+34.6%
|
Fortnite | 166
−81.9%
|
300−350
+81.9%
|
Forza Horizon 4 | 132
−93.9%
|
250−260
+93.9%
|
Forza Horizon 5 | 126
−50%
|
180−190
+50%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 151
−17.2%
|
170−180
+17.2%
|
Valorant | 294
−24.1%
|
350−400
+24.1%
|
Full HD
High Preset
Atomic Heart | 70
−111%
|
148
+111%
|
Battlefield 5 | 105
−65.7%
|
170−180
+65.7%
|
Counter-Strike 2 | 57
−191%
|
160−170
+191%
|
Counter-Strike: Global Offensive | 270−280
−0.4%
|
270−280
+0.4%
|
Cyberpunk 2077 | 67
−113%
|
143
+113%
|
Dota 2 | 156
−85.9%
|
290−300
+85.9%
|
Far Cry 5 | 144
−41.7%
|
204
+41.7%
|
Fortnite | 140
−116%
|
300−350
+116%
|
Forza Horizon 4 | 130
−96.9%
|
250−260
+96.9%
|
Forza Horizon 5 | 97
−94.8%
|
180−190
+94.8%
|
Grand Theft Auto V | 137
−27%
|
174
+27%
|
Metro Exodus | 87
−93.1%
|
168
+93.1%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 144
−22.9%
|
170−180
+22.9%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 147
−139%
|
351
+139%
|
Valorant | 291
−25.4%
|
350−400
+25.4%
|
Full HD
Ultra Preset
Battlefield 5 | 97
−79.4%
|
170−180
+79.4%
|
Counter-Strike 2 | 50
−232%
|
160−170
+232%
|
Cyberpunk 2077 | 58
−121%
|
128
+121%
|
Dota 2 | 146
−84.9%
|
270−280
+84.9%
|
Far Cry 5 | 135
−40%
|
189
+40%
|
Forza Horizon 4 | 118
−117%
|
250−260
+117%
|
Forza Horizon 5 | 94
−80.9%
|
170−180
+80.9%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 139
−27.3%
|
170−180
+27.3%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 91
−86.8%
|
170
+86.8%
|
Valorant | 160
−128%
|
350−400
+128%
|
Full HD
Epic Preset
Fortnite | 118
−156%
|
300−350
+156%
|
1440p
High Preset
Counter-Strike 2 | 27−30
−121%
|
60−65
+121%
|
Counter-Strike: Global Offensive | 230−240
−109%
|
450−500
+109%
|
Grand Theft Auto V | 72
−90.3%
|
137
+90.3%
|
Metro Exodus | 51
−104%
|
104
+104%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 170−180
+0%
|
170−180
+0%
|
Valorant | 277
−60.3%
|
400−450
+60.3%
|
1440p
Ultra Preset
Battlefield 5 | 81
−101%
|
160−170
+101%
|
Cyberpunk 2077 | 36
−125%
|
81
+125%
|
Far Cry 5 | 93
−83.9%
|
171
+83.9%
|
Forza Horizon 4 | 103
−114%
|
220−230
+114%
|
Forza Horizon 5 | 64
−71.9%
|
110−120
+71.9%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 60−65
−143%
|
150−160
+143%
|
1440p
Epic Preset
Fortnite | 77
−96.1%
|
150−160
+96.1%
|
4K
High Preset
Atomic Heart | 27−30
−114%
|
60−65
+114%
|
Counter-Strike 2 | 16−18
−165%
|
45−50
+165%
|
Grand Theft Auto V | 72
−103%
|
146
+103%
|
Metro Exodus | 31
−110%
|
65
+110%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 48
−140%
|
115
+140%
|
Valorant | 231
−43.3%
|
300−350
+43.3%
|
4K
Ultra Preset
Battlefield 5 | 54
−120%
|
110−120
+120%
|
Counter-Strike 2 | 7
−543%
|
45−50
+543%
|
Cyberpunk 2077 | 15
−140%
|
36
+140%
|
Dota 2 | 100
−80%
|
180−190
+80%
|
Far Cry 5 | 47
−97.9%
|
93
+97.9%
|
Forza Horizon 4 | 70
−146%
|
170−180
+146%
|
Forza Horizon 5 | 34
−76.5%
|
60−65
+76.5%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 59
−62.7%
|
95−100
+62.7%
|
4K
Epic Preset
Fortnite | 39
−103%
|
75−80
+103%
|
นี่คือวิธีที่ RX 5700 และ RTX 4070 แข่งขันกันในเกมยอดนิยม:
- RTX 4070 เร็วกว่า 82% ในความละเอียด 1080p
- RTX 4070 เร็วกว่า 70% ในความละเอียด 1440p
- RTX 4070 เร็วกว่า 66% ในความละเอียด 4K
นี่คือช่วงความแตกต่างของประสิทธิภาพที่สังเกตได้จากเกมยอดนิยม:
- ในเกม Counter-Strike 2 ด้วยความละเอียด 4K และการตั้งค่า Ultra Preset อุปกรณ์ RTX 4070 เร็วกว่า 543%
โดยรวมแล้ว ในเกมยอดนิยม:
- RTX 4070 เหนือกว่าใน 60การทดสอบ (98%)
- เสมอกันใน 1การทดสอบ (2%)
สรุปข้อดีและข้อเสีย
คะแนนประสิทธิภาพ | 36.91 | 69.19 |
ความใหม่ล่าสุด | 7 กรกฎาคม 2019 | 12 เมษายน 2023 |
จำนวน RAM สูงสุด | 8 จีบี | 12 จีบี |
การผลิตชิปด้วยลิทอกราฟี | 7 nm | 5 nm |
การใช้พลังงาน (TDP) | 180 วัตต์ | 200 วัตต์ |
RX 5700 มีข้อได้เปรียบ ใช้พลังงานน้อยกว่าถึง 11.1%
ในทางกลับกัน RTX 4070 มีข้อได้เปรียบ มีคะแนนประสิทธิภาพรวมสูงกว่าถึง 87.5% และได้เปรียบด้านอายุการเปิดตัวอยู่ที่ 3 ปี และและมีกระบวนการลิทอกราฟีที่ก้าวหน้ากว่าถึง 40%
GeForce RTX 4070 เป็นตัวเลือกที่เราแนะนำ เนื่องจากมีประสิทธิภาพเหนือกว่า Radeon RX 5700 ในการทดสอบประสิทธิภาพ