Radeon RX 7900 XT เทียบกับ Pro W6800
คะแนนประสิทธิภาพรวม
เราได้เปรียบเทียบ Radeon Pro W6800 กับ Radeon RX 7900 XT รวมถึงสเปกและข้อมูลประสิทธิภาพ
RX 7900 XT มีประสิทธิภาพดีกว่า Pro W6800 อย่างน่าสนใจ 46% ตามผลการทดสอบแบบรวมของเรา
รายละเอียดหลัก
สถาปัตยกรรม GPU, กลุ่มตลาด, ความคุ้มค่า และพารามิเตอร์ทั่วไปอื่นๆ ที่ถูกนำมาเปรียบเทียบ
ตำแหน่งในการจัดอันดับประสิทธิภาพ | 55 | 14 |
จัดอันดับตามความนิยม | ไม่ได้อยู่ใน 100 อันดับแรก | ไม่ได้อยู่ใน 100 อันดับแรก |
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา | 25.47 | 37.83 |
ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 14.20 | 17.23 |
สถาปัตยกรรม | RDNA 2.0 (2020−2024) | RDNA 3.0 (2022−2025) |
ชื่อรหัส GPU | Navi 21 | Navi 31 |
ประเภทตลาด | เวิร์กสเตชัน | เดสก์ท็อป |
วันที่วางจำหน่าย | 8 มิถุนายน 2021 (เมื่อ 3 ปี ปีที่แล้ว) | 3 พฤศจิกายน 2022 (เมื่อ 2 ปี ปีที่แล้ว) |
ราคาเปิดตัว (MSRP) | $2,249 | $899 |
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
อัตราส่วนประสิทธิภาพต่อราคา ยิ่งสูงยิ่งดี
RX 7900 XT มีความคุ้มค่ามากกว่า Pro W6800 อยู่ 49%
สเปกโดยละเอียด
พารามิเตอร์ทั่วไป เช่น จำนวนเชดเดอร์, ความถี่พื้นฐานและความถี่บูสต์ของ GPU, กระบวนการผลิต, ความเร็วการประมวลผลและการเท็กซ์เจอร์ โปรดทราบว่าการใช้พลังงานของการ์ดจอบางรุ่นอาจเกินกว่า TDP ที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะเมื่อทำการโอเวอร์คล็อก
พาธไลน์ / คอร์ CUDA | 3840 | 5376 |
ความเร็วสัญญาณนาฬิกาหลัก | 2075 MHz | 1387 MHz |
เพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกา | 2320 MHz | 2394 MHz |
จำนวนทรานซิสเตอร์ | 26,800 million | 57,700 million |
เทคโนโลยีกระบวนการผลิต | 7 nm | 5 nm |
การใช้พลังงาน (TDP) | 250 Watt | 300 Watt |
อัตราการเติมเท็กซ์เจอร์ | 556.8 | 804.4 |
ประสิทธิภาพการประมวลผลจุดลอยตัว | 17.82 TFLOPS | 51.48 TFLOPS |
ROPs | 96 | 192 |
TMUs | 240 | 336 |
Ray Tracing Cores | 60 | 84 |
ฟอร์มแฟกเตอร์และความเข้ากันได้
ข้อมูลเกี่ยวกับความเข้ากันได้กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่นๆ มีประโยชน์เมื่อเลือกการกำหนดค่าคอมพิวเตอร์ในอนาคตหรืออัปเกรดคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ สำหรับการ์ดจอเดสก์ท็อป จะรวมถึงอินเทอร์เฟซและบัส (ความเข้ากันได้กับเมนบอร์ด) และขั้วต่อไฟเพิ่มเติม (ความเข้ากันได้กับหน่วยจ่ายไฟ)
อินเทอร์เฟซ | PCIe 4.0 x16 | PCIe 4.0 x16 |
ความยาว | 267 mm | 276 mm |
ความกว้าง | 2-slot | 2-slot |
ขั้วต่อพลังงานเสริม | 1x 6-pin + 1x 8-pin | 2x 8-pin |
ความจุและประเภทของ VRAM
พารามิเตอร์ของ VRAM ที่ติดตั้ง: ประเภท, ขนาด, บัส, ความถี่ และแบนด์วิดท์ที่ได้ GPU แบบรวมไม่มี VRAM เฉพาะ และใช้ส่วนแบ่งของ RAM ระบบแทน
ประเภทหน่วยความจำ | GDDR6 | GDDR6 |
จำนวน RAM สูงสุด | 32 จีบี | 20 จีบี |
ความกว้างบัสหน่วยความจำ | 256 Bit | 320 Bit |
ความเร็วของนาฬิกาหน่วยความจำ | 2000 MHz | 2500 MHz |
512.0 จีบี/s | 800.0 จีบี/s | |
หน่วยความจำที่ใช้ร่วมกัน | - | - |
การเชื่อมต่อและเอาต์พุต
ประเภทและจำนวนของตัวเชื่อมต่อวิดีโอที่มีใน GPU ที่รีวิว โดยทั่วไป ข้อมูลในส่วนนี้จะแม่นยำเฉพาะสำหรับการ์ดเดสก์ท็อปแบบอ้างอิง (หรือที่เรียกว่า Founders Edition สำหรับชิป NVIDIA) ผู้ผลิต OEM อาจเปลี่ยนแปลงจำนวนและประเภทของพอร์ตเอาต์พุต ในขณะที่สำหรับการ์ดโน้ตบุ๊ก ความพร้อมใช้งานของพอร์ตวิดีโอบางประเภทขึ้นอยู่กับรุ่นของแล็ปท็อปมากกว่าตัวการ์ดเอง
ขั้วต่อจอแสดงผล | 6x mini-DisplayPort | 1x HDMI 2.1a, 2x DisplayPort 2.1, 1x USB Type-C |
HDMI | - | + |
ความเข้ากันได้ของ API และ SDK
รายการ API สำหรับการประมวลผล 3D และการประมวลผลทั่วไปที่รองรับ รวมถึงเวอร์ชันเฉพาะ
DirectX | 12 Ultimate (12_2) | 12 Ultimate (12_2) |
รุ่นเชดเดอร์ | 6.5 | 6.7 |
OpenGL | 4.6 | 4.6 |
OpenCL | 2.1 | 2.2 |
Vulkan | 1.2 | 1.3 |
ประสิทธิภาพการทดสอบแบบสังเคราะห์
การเปรียบเทียบผลการทดสอบที่ไม่เกี่ยวกับเกม โดยคะแนนรวมวัดบนมาตราส่วน 0-100 คะแนน
คะแนนรวมของการทดสอบแบบสังเคราะห์
นี่คือคะแนนการทดสอบแบบรวมของเรา
Passmark
นี่คือการทดสอบ GPU ที่พบได้บ่อยที่สุด โดยจะประเมินการ์ดจอภายใต้ภาระงานหลากหลายประเภท โดยให้การทดสอบแยกต่างหาก 4 ครั้งสำหรับ Direct3D เวอร์ชัน 9, 10, 11 และ 12 (เวอร์ชันสุดท้ายใช้ความละเอียด 4K หากทำได้) รวมถึงการทดสอบเพิ่มเติมที่ใช้คุณสมบัติ DirectCompute
3DMark 11 Performance GPU
3DMark 11 เป็นการทดสอบ DirectX 11 เก่าโดย Futuremark ซึ่งประกอบไปด้วย 4 การทดสอบจาก 2 ฉาก: ฉากแรกแสดงการสำรวจซากเรือจมใต้น้ำโดยเรือดำน้ำหลายลำ อีกฉากหนึ่งแสดงวัดร้างลึกเข้าไปในป่าทึบ การทดสอบทั้งหมดใช้แสงวอลุ่ม (Volumetric Lighting) และ Tessellation อย่างหนัก แม้จะใช้ความละเอียด 1280x720 แต่ก็ยังค่อนข้างกินทรัพยากรฮาร์ดแวร์ ยกเลิกไปในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย Time Spy
3DMark Vantage Performance
3DMark Vantage เป็นการทดสอบ DirectX 10 เก่าที่ใช้ความละเอียด 1280x1024 โดยมีฉากหลัก 2 ฉาก: ฉากแรกแสดงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งหนีออกจากฐานทัพในถ้ำกลางทะเล และอีกฉากหนึ่งแสดงยานอวกาศบุกโจมตีดาวเคราะห์ที่ไร้การป้องกัน ยกเลิกไปในเดือนเมษายน 2017 และแนะนำให้ใช้การทดสอบ Time Spy แทน
3DMark Fire Strike Graphics
Fire Strike เป็นการทดสอบ DirectX 11 สำหรับเกมพีซี ประกอบด้วยการทดสอบ 2 ฉากที่แสดงการต่อสู้ระหว่างมนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่ทำจากลาวา ใช้ความละเอียด 1920x1080 และสามารถแสดงกราฟิกที่สมจริง กินทรัพยากรฮาร์ดแวร์สูง
3DMark Cloud Gate GPU
Cloud Gate เป็นการทดสอบ DirectX 11 ระดับ 10 ที่ล้าสมัย ซึ่งเคยใช้สำหรับพีซีตามบ้านและแล็ปท็อปพื้นฐาน แสดงฉากการปล่อยยานอวกาศผ่านอุปกรณ์เทเลพอร์ตอวกาศประหลาด ด้วยความละเอียด 1280x720 เช่นเดียวกับ Ice Storm Benchmark ถูกยกเลิกในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย 3DMark Night Raid
3DMark Ice Storm GPU
Ice Storm Graphics เป็นการทดสอบล้าสมัยในชุดการทดสอบ 3DMark ซึ่งเคยใช้วัดประสิทธิภาพของแล็ปท็อประดับเริ่มต้นและแท็บเล็ต Windows ใช้คุณสมบัติของ DirectX 11 ระดับ 9 ในการแสดงฉากต่อสู้ระหว่างยานอวกาศสองกองใกล้กับดาวเคราะห์น้ำแข็งที่ความละเอียด 1280x720 ยกเลิกไปในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย 3DMark Night Raid
ประสิทธิภาพในการเล่นเกม
มาดูกันว่าการ์ดจอที่นำมาเปรียบเทียบเหมาะสำหรับการเล่นเกมมากน้อยแค่ไหน โดยผลการทดสอบเกมเฉพาะจะวัดเป็นเฟรมต่อวินาที (FPS)
ค่า FPS เฉลี่ยจากเกมพีซีทั้งหมด
นี่คือค่าเฉลี่ยเฟรมต่อวินาทีจากเกมยอดนิยมหลากหลายเกมในหลายความละเอียด:
Full HD | 137
−46.7%
| 201
+46.7%
|
1440p | 116
−18.1%
| 137
+18.1%
|
4K | 84
−2.4%
| 86
+2.4%
|
ต้นทุนต่อเฟรม, $
1080p | 16.42
−267%
| 4.47
+267%
|
1440p | 19.39
−195%
| 6.56
+195%
|
4K | 26.77
−156%
| 10.45
+156%
|
ประสิทธิภาพ FPS ในเกมยอดนิยม
Full HD
Low Preset
Atomic Heart | 140−150
−122%
|
328
+122%
|
Counter-Strike 2 | 110−120
−52.6%
|
170−180
+52.6%
|
Cyberpunk 2077 | 110−120
−106%
|
237
+106%
|
Full HD
Medium Preset
Atomic Heart | 140−150
−77%
|
262
+77%
|
Battlefield 5 | 140−150
−22.3%
|
180−190
+22.3%
|
Counter-Strike 2 | 110−120
−63.8%
|
190
+63.8%
|
Cyberpunk 2077 | 110−120
−84.3%
|
212
+84.3%
|
Far Cry 5 | 70
−180%
|
196
+180%
|
Fortnite | 200−210
−47.3%
|
300−350
+47.3%
|
Forza Horizon 4 | 180−190
−52.5%
|
270−280
+52.5%
|
Forza Horizon 5 | 140−150
−73%
|
244
+73%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 170−180
−2.3%
|
170−180
+2.3%
|
Valorant | 260−270
−52.7%
|
400−450
+52.7%
|
Full HD
High Preset
Atomic Heart | 140−150
−14.9%
|
170
+14.9%
|
Battlefield 5 | 140−150
−22.3%
|
180−190
+22.3%
|
Counter-Strike 2 | 110−120
−60.3%
|
186
+60.3%
|
Counter-Strike: Global Offensive | 270−280
+0%
|
270−280
+0%
|
Cyberpunk 2077 | 110−120
−65.2%
|
190
+65.2%
|
Dota 2 | 99
−101%
|
199
+101%
|
Far Cry 5 | 65
−188%
|
187
+188%
|
Fortnite | 200−210
−47.3%
|
300−350
+47.3%
|
Forza Horizon 4 | 180−190
−52.5%
|
270−280
+52.5%
|
Forza Horizon 5 | 140−150
−58.2%
|
223
+58.2%
|
Grand Theft Auto V | 121
−43%
|
173
+43%
|
Metro Exodus | 160
+9.6%
|
146
−9.6%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 170−180
−2.3%
|
170−180
+2.3%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 199
−143%
|
483
+143%
|
Valorant | 260−270
−52.7%
|
400−450
+52.7%
|
Full HD
Ultra Preset
Battlefield 5 | 140−150
−22.3%
|
180−190
+22.3%
|
Counter-Strike 2 | 110−120
−44.8%
|
168
+44.8%
|
Cyberpunk 2077 | 110−120
−55.7%
|
179
+55.7%
|
Dota 2 | 86
−114%
|
184
+114%
|
Far Cry 5 | 62
−179%
|
173
+179%
|
Forza Horizon 4 | 180−190
−52.5%
|
270−280
+52.5%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 170−180
−2.3%
|
170−180
+2.3%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 157
−68.8%
|
265
+68.8%
|
Valorant | 260−270
−52.7%
|
400−450
+52.7%
|
Full HD
Epic Preset
Fortnite | 200−210
−47.3%
|
300−350
+47.3%
|
1440p
High Preset
Counter-Strike 2 | 35−40
−97.4%
|
75−80
+97.4%
|
Counter-Strike: Global Offensive | 300−350
−55.4%
|
500−550
+55.4%
|
Grand Theft Auto V | 88
−80.7%
|
159
+80.7%
|
Metro Exodus | 171
+26.7%
|
135
−26.7%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 170−180
+0%
|
170−180
+0%
|
Valorant | 290−300
−65%
|
450−500
+65%
|
1440p
Ultra Preset
Battlefield 5 | 110−120
−53.8%
|
180−190
+53.8%
|
Cyberpunk 2077 | 60−65
−103%
|
122
+103%
|
Far Cry 5 | 64
−170%
|
173
+170%
|
Forza Horizon 4 | 140−150
−68.3%
|
240−250
+68.3%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 95−100
−75.3%
|
170−180
+75.3%
|
1440p
Epic Preset
Fortnite | 130−140
−15.3%
|
150−160
+15.3%
|
4K
High Preset
Atomic Heart | 40−45
−65%
|
65−70
+65%
|
Counter-Strike 2 | 24−27
−112%
|
50−55
+112%
|
Grand Theft Auto V | 125
−40%
|
175
+40%
|
Metro Exodus | 55
−58.2%
|
87
+58.2%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 99
−60.6%
|
159
+60.6%
|
Valorant | 280−290
−17.3%
|
300−350
+17.3%
|
4K
Ultra Preset
Battlefield 5 | 75−80
−71.8%
|
130−140
+71.8%
|
Counter-Strike 2 | 24−27
−20%
|
30
+20%
|
Cyberpunk 2077 | 27−30
−114%
|
60
+114%
|
Dota 2 | 94
−62.8%
|
153
+62.8%
|
Far Cry 5 | 60
−120%
|
132
+120%
|
Forza Horizon 4 | 95−100
−102%
|
200−210
+102%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 75−80
−28%
|
95−100
+28%
|
4K
Epic Preset
Fortnite | 65−70
−16.2%
|
75−80
+16.2%
|
นี่คือวิธีที่ Pro W6800 และ RX 7900 XT แข่งขันกันในเกมยอดนิยม:
- RX 7900 XT เร็วกว่า 47% ในความละเอียด 1080p
- RX 7900 XT เร็วกว่า 18% ในความละเอียด 1440p
- RX 7900 XT เร็วกว่า 2% ในความละเอียด 4K
นี่คือช่วงความแตกต่างของประสิทธิภาพที่สังเกตได้จากเกมยอดนิยม:
- ในเกม Metro Exodus ด้วยความละเอียด 1440p และการตั้งค่า High Preset อุปกรณ์ Pro W6800 เร็วกว่า 27%
- ในเกม Far Cry 5 ด้วยความละเอียด 1080p และการตั้งค่า High Preset อุปกรณ์ RX 7900 XT เร็วกว่า 188%
โดยรวมแล้ว ในเกมยอดนิยม:
- Pro W6800 เหนือกว่าใน 2การทดสอบ (3%)
- RX 7900 XT เหนือกว่าใน 60การทดสอบ (94%)
- เสมอกันใน 2การทดสอบ (3%)
สรุปข้อดีและข้อเสีย
คะแนนประสิทธิภาพ | 51.29 | 74.71 |
ความใหม่ล่าสุด | 8 มิถุนายน 2021 | 3 พฤศจิกายน 2022 |
จำนวน RAM สูงสุด | 32 จีบี | 20 จีบี |
การผลิตชิปด้วยลิทอกราฟี | 7 nm | 5 nm |
การใช้พลังงาน (TDP) | 250 วัตต์ | 300 วัตต์ |
Pro W6800 มีข้อได้เปรียบ และใช้พลังงานน้อยกว่าถึง 20%
ในทางกลับกัน RX 7900 XT มีข้อได้เปรียบ มีคะแนนประสิทธิภาพรวมสูงกว่าถึง 45.7% และได้เปรียบด้านอายุการเปิดตัวอยู่ที่ 1 ปี และมีกระบวนการลิทอกราฟีที่ก้าวหน้ากว่าถึง 40%
Radeon RX 7900 XT เป็นตัวเลือกที่เราแนะนำ เนื่องจากมีประสิทธิภาพเหนือกว่า Radeon Pro W6800 ในการทดสอบประสิทธิภาพ
โปรดทราบว่า Radeon Pro W6800 เป็นการ์ดจอเวิร์กสเตชัน ในขณะที่ Radeon RX 7900 XT เป็นการ์ดจอเดสก์ท็อป