GeForce RTX 4080 SUPER เทียบกับ Radeon Pro 5500M
คะแนนประสิทธิภาพรวม
เราได้เปรียบเทียบ Radeon Pro 5500M กับ GeForce RTX 4080 SUPER รวมถึงสเปกและข้อมูลประสิทธิภาพ
RTX 4080 SUPER มีประสิทธิภาพดีกว่า Pro 5500M อย่างมหาศาลถึง 405% ตามผลการทดสอบแบบรวมของเรา
รายละเอียดหลัก
สถาปัตยกรรม GPU, กลุ่มตลาด, ความคุ้มค่า และพารามิเตอร์ทั่วไปอื่นๆ ที่ถูกนำมาเปรียบเทียบ
ตำแหน่งในการจัดอันดับประสิทธิภาพ | 319 | 6 |
จัดอันดับตามความนิยม | ไม่ได้อยู่ใน 100 อันดับแรก | 72 |
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา | ไม่มีข้อมูล | 38.49 |
ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 14.29 | 19.18 |
สถาปัตยกรรม | RDNA 1.0 (2019−2020) | Ada Lovelace (2022−2024) |
ชื่อรหัส GPU | Navi 14 | AD103 |
ประเภทตลาด | เวิร์กสเตชันแบบพกพา | เดสก์ท็อป |
วันที่วางจำหน่าย | 13 พฤศจิกายน 2019 (เมื่อ 5 ปี ปีที่แล้ว) | 8 มกราคม 2024 (เมื่อ 1 ปี ปีที่แล้ว) |
ราคาเปิดตัว (MSRP) | ไม่มีข้อมูล | $999 |
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
อัตราส่วนประสิทธิภาพต่อราคา ยิ่งสูงยิ่งดี
สเปกโดยละเอียด
พารามิเตอร์ทั่วไป เช่น จำนวนเชดเดอร์, ความถี่พื้นฐานและความถี่บูสต์ของ GPU, กระบวนการผลิต, ความเร็วการประมวลผลและการเท็กซ์เจอร์ โปรดทราบว่าการใช้พลังงานของการ์ดจอบางรุ่นอาจเกินกว่า TDP ที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะเมื่อทำการโอเวอร์คล็อก
พาธไลน์ / คอร์ CUDA | 1536 | 10240 |
ความเร็วสัญญาณนาฬิกาหลัก | 1000 MHz | 2295 MHz |
เพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกา | 1450 MHz | 2550 MHz |
จำนวนทรานซิสเตอร์ | 6,400 million | 45,900 million |
เทคโนโลยีกระบวนการผลิต | 7 nm | 5 nm |
การใช้พลังงาน (TDP) | 85 Watt | 320 Watt |
อัตราการเติมเท็กซ์เจอร์ | 139.2 | 816.0 |
ประสิทธิภาพการประมวลผลจุดลอยตัว | 4.454 TFLOPS | 52.22 TFLOPS |
ROPs | 32 | 112 |
TMUs | 96 | 320 |
Tensor Cores | ไม่มีข้อมูล | 320 |
Ray Tracing Cores | ไม่มีข้อมูล | 80 |
ฟอร์มแฟกเตอร์และความเข้ากันได้
ข้อมูลเกี่ยวกับความเข้ากันได้กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่นๆ มีประโยชน์เมื่อเลือกการกำหนดค่าคอมพิวเตอร์ในอนาคตหรืออัปเกรดคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ สำหรับการ์ดจอเดสก์ท็อป จะรวมถึงอินเทอร์เฟซและบัส (ความเข้ากันได้กับเมนบอร์ด) และขั้วต่อไฟเพิ่มเติม (ความเข้ากันได้กับหน่วยจ่ายไฟ)
ขนาดแล็ปท็อป | medium sized | ไม่มีข้อมูล |
อินเทอร์เฟซ | PCIe 4.0 x8 | PCIe 4.0 x16 |
ความยาว | ไม่มีข้อมูล | 310 mm |
ความกว้าง | ไม่มีข้อมูล | 3-slot |
ขั้วต่อพลังงานเสริม | None | 1x 16-pin |
ความจุและประเภทของ VRAM
พารามิเตอร์ของ VRAM ที่ติดตั้ง: ประเภท, ขนาด, บัส, ความถี่ และแบนด์วิดท์ที่ได้ GPU แบบรวมไม่มี VRAM เฉพาะ และใช้ส่วนแบ่งของ RAM ระบบแทน
ประเภทหน่วยความจำ | GDDR6 | GDDR6X |
จำนวน RAM สูงสุด | 8 จีบี | 16 จีบี |
ความกว้างบัสหน่วยความจำ | 128 Bit | 256 Bit |
ความเร็วของนาฬิกาหน่วยความจำ | 1500 MHz | 1438 MHz |
192.0 จีบี/s | 736.3 จีบี/s | |
หน่วยความจำที่ใช้ร่วมกัน | - | - |
การเชื่อมต่อและเอาต์พุต
ประเภทและจำนวนของตัวเชื่อมต่อวิดีโอที่มีใน GPU ที่รีวิว โดยทั่วไป ข้อมูลในส่วนนี้จะแม่นยำเฉพาะสำหรับการ์ดเดสก์ท็อปแบบอ้างอิง (หรือที่เรียกว่า Founders Edition สำหรับชิป NVIDIA) ผู้ผลิต OEM อาจเปลี่ยนแปลงจำนวนและประเภทของพอร์ตเอาต์พุต ในขณะที่สำหรับการ์ดโน้ตบุ๊ก ความพร้อมใช้งานของพอร์ตวิดีโอบางประเภทขึ้นอยู่กับรุ่นของแล็ปท็อปมากกว่าตัวการ์ดเอง
ขั้วต่อจอแสดงผล | No outputs | 1x HDMI 2.1, 3x DisplayPort 1.4a |
HDMI | - | + |
ความเข้ากันได้ของ API และ SDK
รายการ API สำหรับการประมวลผล 3D และการประมวลผลทั่วไปที่รองรับ รวมถึงเวอร์ชันเฉพาะ
DirectX | 12 (12_1) | 12 Ultimate (12_2) |
รุ่นเชดเดอร์ | 6.5 | 6.8 |
OpenGL | 4.6 | 4.6 |
OpenCL | 2.0 | 3.0 |
Vulkan | 1.2.131 | 1.3 |
CUDA | - | 8.9 |
DLSS | - | + |
ประสิทธิภาพการทดสอบแบบสังเคราะห์
การเปรียบเทียบผลการทดสอบที่ไม่เกี่ยวกับเกม โดยคะแนนรวมวัดบนมาตราส่วน 0-100 คะแนน
คะแนนรวมของการทดสอบแบบสังเคราะห์
นี่คือคะแนนการทดสอบแบบรวมของเรา
Passmark
นี่คือการทดสอบ GPU ที่พบได้บ่อยที่สุด โดยจะประเมินการ์ดจอภายใต้ภาระงานหลากหลายประเภท โดยให้การทดสอบแยกต่างหาก 4 ครั้งสำหรับ Direct3D เวอร์ชัน 9, 10, 11 และ 12 (เวอร์ชันสุดท้ายใช้ความละเอียด 4K หากทำได้) รวมถึงการทดสอบเพิ่มเติมที่ใช้คุณสมบัติ DirectCompute
3DMark 11 Performance GPU
3DMark 11 เป็นการทดสอบ DirectX 11 เก่าโดย Futuremark ซึ่งประกอบไปด้วย 4 การทดสอบจาก 2 ฉาก: ฉากแรกแสดงการสำรวจซากเรือจมใต้น้ำโดยเรือดำน้ำหลายลำ อีกฉากหนึ่งแสดงวัดร้างลึกเข้าไปในป่าทึบ การทดสอบทั้งหมดใช้แสงวอลุ่ม (Volumetric Lighting) และ Tessellation อย่างหนัก แม้จะใช้ความละเอียด 1280x720 แต่ก็ยังค่อนข้างกินทรัพยากรฮาร์ดแวร์ ยกเลิกไปในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย Time Spy
3DMark Fire Strike Graphics
Fire Strike เป็นการทดสอบ DirectX 11 สำหรับเกมพีซี ประกอบด้วยการทดสอบ 2 ฉากที่แสดงการต่อสู้ระหว่างมนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่ทำจากลาวา ใช้ความละเอียด 1920x1080 และสามารถแสดงกราฟิกที่สมจริง กินทรัพยากรฮาร์ดแวร์สูง
3DMark Cloud Gate GPU
Cloud Gate เป็นการทดสอบ DirectX 11 ระดับ 10 ที่ล้าสมัย ซึ่งเคยใช้สำหรับพีซีตามบ้านและแล็ปท็อปพื้นฐาน แสดงฉากการปล่อยยานอวกาศผ่านอุปกรณ์เทเลพอร์ตอวกาศประหลาด ด้วยความละเอียด 1280x720 เช่นเดียวกับ Ice Storm Benchmark ถูกยกเลิกในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย 3DMark Night Raid
3DMark Ice Storm GPU
Ice Storm Graphics เป็นการทดสอบล้าสมัยในชุดการทดสอบ 3DMark ซึ่งเคยใช้วัดประสิทธิภาพของแล็ปท็อประดับเริ่มต้นและแท็บเล็ต Windows ใช้คุณสมบัติของ DirectX 11 ระดับ 9 ในการแสดงฉากต่อสู้ระหว่างยานอวกาศสองกองใกล้กับดาวเคราะห์น้ำแข็งที่ความละเอียด 1280x720 ยกเลิกไปในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย 3DMark Night Raid
ประสิทธิภาพในการเล่นเกม
มาดูกันว่าการ์ดจอที่นำมาเปรียบเทียบเหมาะสำหรับการเล่นเกมมากน้อยแค่ไหน โดยผลการทดสอบเกมเฉพาะจะวัดเป็นเฟรมต่อวินาที (FPS)
ค่า FPS เฉลี่ยจากเกมพีซีทั้งหมด
นี่คือค่าเฉลี่ยเฟรมต่อวินาทีจากเกมยอดนิยมหลากหลายเกมในหลายความละเอียด:
Full HD | 59
−339%
| 259
+339%
|
1440p | 60
−200%
| 180
+200%
|
4K | 34
−244%
| 117
+244%
|
ต้นทุนต่อเฟรม, $
1080p | ไม่มีข้อมูล | 3.86 |
1440p | ไม่มีข้อมูล | 5.55 |
4K | ไม่มีข้อมูล | 8.54 |
ประสิทธิภาพ FPS ในเกมยอดนิยม
Full HD
Low Preset
Atomic Heart | 40−45
−598%
|
300
+598%
|
Counter-Strike 2 | 30−33
−720%
|
246
+720%
|
Cyberpunk 2077 | 35−40
−611%
|
249
+611%
|
Full HD
Medium Preset
Atomic Heart | 40−45
−551%
|
280
+551%
|
Battlefield 5 | 76
−159%
|
190−200
+159%
|
Counter-Strike 2 | 30−33
−700%
|
240
+700%
|
Cyberpunk 2077 | 35−40
−603%
|
246
+603%
|
Far Cry 5 | 55−60
−329%
|
240
+329%
|
Fortnite | 90−95
−232%
|
300−350
+232%
|
Forza Horizon 4 | 65−70
−406%
|
344
+406%
|
Forza Horizon 5 | 41
−651%
|
308
+651%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 60−65
−190%
|
170−180
+190%
|
Valorant | 130−140
−317%
|
500−550
+317%
|
Full HD
High Preset
Atomic Heart | 40−45
−405%
|
217
+405%
|
Battlefield 5 | 62
−218%
|
190−200
+218%
|
Counter-Strike 2 | 30−33
−613%
|
214
+613%
|
Counter-Strike: Global Offensive | 208
−33.7%
|
270−280
+33.7%
|
Cyberpunk 2077 | 35−40
−580%
|
238
+580%
|
Dota 2 | 111
−395%
|
550−600
+395%
|
Far Cry 5 | 55−60
−305%
|
227
+305%
|
Fortnite | 90−95
−232%
|
300−350
+232%
|
Forza Horizon 4 | 65−70
−403%
|
342
+403%
|
Forza Horizon 5 | 45−50
−520%
|
285
+520%
|
Grand Theft Auto V | 69
−159%
|
179
+159%
|
Metro Exodus | 37
−514%
|
227
+514%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 60−65
−190%
|
170−180
+190%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 68
−704%
|
547
+704%
|
Valorant | 130−140
−317%
|
500−550
+317%
|
Full HD
Ultra Preset
Battlefield 5 | 59
−234%
|
190−200
+234%
|
Counter-Strike 2 | 30−33
−533%
|
190
+533%
|
Cyberpunk 2077 | 35−40
−469%
|
199
+469%
|
Dota 2 | 107
−367%
|
500−550
+367%
|
Far Cry 5 | 55
−285%
|
212
+285%
|
Forza Horizon 4 | 65−70
−374%
|
322
+374%
|
Forza Horizon 5 | 45−50
−400%
|
230−240
+400%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 60−65
−190%
|
170−180
+190%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 39
−574%
|
263
+574%
|
Valorant | 28
−1836%
|
500−550
+1836%
|
Full HD
Epic Preset
Fortnite | 90−95
−232%
|
300−350
+232%
|
1440p
High Preset
Counter-Strike: Global Offensive | 118
−337%
|
500−550
+337%
|
Grand Theft Auto V | 35
−383%
|
169
+383%
|
Metro Exodus | 22
−636%
|
162
+636%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 107
−63.6%
|
170−180
+63.6%
|
Valorant | 160−170
−196%
|
450−500
+196%
|
1440p
Ultra Preset
Battlefield 5 | 47
−317%
|
190−200
+317%
|
Counter-Strike 2 | 18−20
−400%
|
95−100
+400%
|
Cyberpunk 2077 | 14−16
−753%
|
128
+753%
|
Far Cry 5 | 40
−420%
|
208
+420%
|
Forza Horizon 4 | 40−45
−646%
|
306
+646%
|
Forza Horizon 5 | 30−33
−400%
|
150−160
+400%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 24−27
−750%
|
221
+750%
|
1440p
Epic Preset
Fortnite | 35−40
−308%
|
150−160
+308%
|
4K
High Preset
Atomic Heart | 12−14
−577%
|
85−90
+577%
|
Counter-Strike 2 | 8−9
−1363%
|
117
+1363%
|
Counter-Strike: Global Offensive | 71
−393%
|
350−400
+393%
|
Grand Theft Auto V | 25
−648%
|
187
+648%
|
Metro Exodus | 12−14
−715%
|
106
+715%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 21−24
−787%
|
204
+787%
|
Valorant | 90−95
−261%
|
300−350
+261%
|
4K
Ultra Preset
Battlefield 5 | 14
−871%
|
130−140
+871%
|
Counter-Strike 2 | 8−9
−250%
|
28
+250%
|
Cyberpunk 2077 | 6−7
−917%
|
61
+917%
|
Dota 2 | 54
−400%
|
270−280
+400%
|
Far Cry 5 | 20
−625%
|
145
+625%
|
Forza Horizon 4 | 27−30
−952%
|
305
+952%
|
Forza Horizon 5 | 14−16
−400%
|
70−75
+400%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 16−18
−500%
|
95−100
+500%
|
4K
Epic Preset
Fortnite | 16−18
−394%
|
75−80
+394%
|
1440p
High Preset
Counter-Strike 2 | 120−130
+0%
|
120−130
+0%
|
นี่คือวิธีที่ Pro 5500M และ RTX 4080 SUPER แข่งขันกันในเกมยอดนิยม:
- RTX 4080 SUPER เร็วกว่า 339% ในความละเอียด 1080p
- RTX 4080 SUPER เร็วกว่า 200% ในความละเอียด 1440p
- RTX 4080 SUPER เร็วกว่า 244% ในความละเอียด 4K
นี่คือช่วงความแตกต่างของประสิทธิภาพที่สังเกตได้จากเกมยอดนิยม:
- ในเกม Valorant ด้วยความละเอียด 1080p และการตั้งค่า Ultra Preset อุปกรณ์ RTX 4080 SUPER เร็วกว่า 1836%
โดยรวมแล้ว ในเกมยอดนิยม:
- RTX 4080 SUPER เหนือกว่าใน 60การทดสอบ (98%)
- เสมอกันใน 1การทดสอบ (2%)
สรุปข้อดีและข้อเสีย
คะแนนประสิทธิภาพ | 17.43 | 88.06 |
ความใหม่ล่าสุด | 13 พฤศจิกายน 2019 | 8 มกราคม 2024 |
จำนวน RAM สูงสุด | 8 จีบี | 16 จีบี |
การผลิตชิปด้วยลิทอกราฟี | 7 nm | 5 nm |
การใช้พลังงาน (TDP) | 85 วัตต์ | 320 วัตต์ |
Pro 5500M มีข้อได้เปรียบ ใช้พลังงานน้อยกว่าถึง 276.5%
ในทางกลับกัน RTX 4080 SUPER มีข้อได้เปรียบ มีคะแนนประสิทธิภาพรวมสูงกว่าถึง 405.2% และได้เปรียบด้านอายุการเปิดตัวอยู่ที่ 4 ปี และและมีกระบวนการลิทอกราฟีที่ก้าวหน้ากว่าถึง 40%
GeForce RTX 4080 SUPER เป็นตัวเลือกที่เราแนะนำ เนื่องจากมีประสิทธิภาพเหนือกว่า Radeon Pro 5500M ในการทดสอบประสิทธิภาพ
โปรดทราบว่า Radeon Pro 5500M เป็นการ์ดจอเวิร์กสเตชันแบบพกพา ในขณะที่ GeForce RTX 4080 SUPER เป็นการ์ดจอเดสก์ท็อป