GeForce RTX 3070 เทียบกับ GTX 560 Ti
คะแนนประสิทธิภาพรวม
เราได้เปรียบเทียบ GeForce GTX 560 Ti และ GeForce RTX 3070 โดยครอบคลุมสเปกและผลการทดสอบที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
RTX 3070 มีประสิทธิภาพดีกว่า GTX 560 Ti อย่างมหาศาลถึง 629% ตามผลการทดสอบแบบรวมของเรา
รายละเอียดหลัก
สถาปัตยกรรม GPU, กลุ่มตลาด, ความคุ้มค่า และพารามิเตอร์ทั่วไปอื่นๆ ที่ถูกนำมาเปรียบเทียบ
ตำแหน่งในการจัดอันดับประสิทธิภาพ | 527 | 45 |
จัดอันดับตามความนิยม | ไม่ได้อยู่ใน 100 อันดับแรก | 40 |
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา | 1.82 | 57.77 |
ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 3.22 | 18.14 |
สถาปัตยกรรม | Fermi 2.0 (2010−2014) | Ampere (2020−2024) |
ชื่อรหัส GPU | GF114 | GA104 |
ประเภทตลาด | เดสก์ท็อป | เดสก์ท็อป |
วันที่วางจำหน่าย | 25 มกราคม 2011 (เมื่อ 14 ปี ปีที่แล้ว) | 1 กันยายน 2020 (เมื่อ 4 ปี ปีที่แล้ว) |
ราคาเปิดตัว (MSRP) | $249 | $499 |
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
อัตราส่วนประสิทธิภาพต่อราคา ยิ่งสูงยิ่งดี
RTX 3070 มีความคุ้มค่ามากกว่า GTX 560 Ti อยู่ 3074%
สเปกโดยละเอียด
พารามิเตอร์ทั่วไป เช่น จำนวนเชดเดอร์, ความถี่พื้นฐานและความถี่บูสต์ของ GPU, กระบวนการผลิต, ความเร็วการประมวลผลและการเท็กซ์เจอร์ โปรดทราบว่าการใช้พลังงานของการ์ดจอบางรุ่นอาจเกินกว่า TDP ที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะเมื่อทำการโอเวอร์คล็อก
พาธไลน์ / คอร์ CUDA | 384 | 5888 |
ความเร็วสัญญาณนาฬิกาหลัก | 823 MHz | 1500 MHz |
เพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกา | ไม่มีข้อมูล | 1725 MHz |
จำนวนทรานซิสเตอร์ | 1,950 million | 17,400 million |
เทคโนโลยีกระบวนการผลิต | 40 nm | 8 nm |
การใช้พลังงาน (TDP) | 170 Watt | 220 Watt |
อัตราการเติมเท็กซ์เจอร์ | 52.67 | 317.4 |
ประสิทธิภาพการประมวลผลจุดลอยตัว | 1.263 TFLOPS | 20.31 TFLOPS |
ROPs | 32 | 96 |
TMUs | 64 | 184 |
Tensor Cores | ไม่มีข้อมูล | 184 |
Ray Tracing Cores | ไม่มีข้อมูล | 46 |
ฟอร์มแฟกเตอร์และความเข้ากันได้
ข้อมูลเกี่ยวกับความเข้ากันได้กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่นๆ มีประโยชน์เมื่อเลือกการกำหนดค่าคอมพิวเตอร์ในอนาคตหรืออัปเกรดคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ สำหรับการ์ดจอเดสก์ท็อป จะรวมถึงอินเทอร์เฟซและบัส (ความเข้ากันได้กับเมนบอร์ด) และขั้วต่อไฟเพิ่มเติม (ความเข้ากันได้กับหน่วยจ่ายไฟ)
อินเทอร์เฟซ | PCIe 2.0 x16 | PCIe 4.0 x16 |
ความยาว | 229 mm | 242 mm |
ความกว้าง | 2-slot | 2-slot |
ขั้วต่อพลังงานเสริม | 2x 6-pin | 1x 12-pin |
ความจุและประเภทของ VRAM
พารามิเตอร์ของ VRAM ที่ติดตั้ง: ประเภท, ขนาด, บัส, ความถี่ และแบนด์วิดท์ที่ได้ GPU แบบรวมไม่มี VRAM เฉพาะ และใช้ส่วนแบ่งของ RAM ระบบแทน
ประเภทหน่วยความจำ | GDDR5 | GDDR6 |
จำนวน RAM สูงสุด | 1 จีบี | 8 จีบี |
ความกว้างบัสหน่วยความจำ | 256 Bit | 256 Bit |
ความเร็วของนาฬิกาหน่วยความจำ | 1002 MHz | 1750 MHz |
128.3 จีบี/s | 448.0 จีบี/s | |
หน่วยความจำที่ใช้ร่วมกัน | - | - |
การเชื่อมต่อและเอาต์พุต
ประเภทและจำนวนของตัวเชื่อมต่อวิดีโอที่มีใน GPU ที่รีวิว โดยทั่วไป ข้อมูลในส่วนนี้จะแม่นยำเฉพาะสำหรับการ์ดเดสก์ท็อปแบบอ้างอิง (หรือที่เรียกว่า Founders Edition สำหรับชิป NVIDIA) ผู้ผลิต OEM อาจเปลี่ยนแปลงจำนวนและประเภทของพอร์ตเอาต์พุต ในขณะที่สำหรับการ์ดโน้ตบุ๊ก ความพร้อมใช้งานของพอร์ตวิดีโอบางประเภทขึ้นอยู่กับรุ่นของแล็ปท็อปมากกว่าตัวการ์ดเอง
ขั้วต่อจอแสดงผล | 2x DVI, 1x mini-HDMI | 1x HDMI, 3x DisplayPort |
HDMI | + | + |
ความเข้ากันได้ของ API และ SDK
รายการ API สำหรับการประมวลผล 3D และการประมวลผลทั่วไปที่รองรับ รวมถึงเวอร์ชันเฉพาะ
DirectX | 12 (11_0) | 12 Ultimate (12_2) |
รุ่นเชดเดอร์ | 5.1 | 6.5 |
OpenGL | 4.6 | 4.6 |
OpenCL | 1.1 | 2.0 |
Vulkan | N/A | 1.2 |
CUDA | 2.1 | 8.5 |
DLSS | - | + |
ประสิทธิภาพการทดสอบแบบสังเคราะห์
การเปรียบเทียบผลการทดสอบที่ไม่เกี่ยวกับเกม โดยคะแนนรวมวัดบนมาตราส่วน 0-100 คะแนน
คะแนนรวมของการทดสอบแบบสังเคราะห์
นี่คือคะแนนการทดสอบแบบรวมของเรา
Passmark
นี่คือการทดสอบ GPU ที่พบได้บ่อยที่สุด โดยจะประเมินการ์ดจอภายใต้ภาระงานหลากหลายประเภท โดยให้การทดสอบแยกต่างหาก 4 ครั้งสำหรับ Direct3D เวอร์ชัน 9, 10, 11 และ 12 (เวอร์ชันสุดท้ายใช้ความละเอียด 4K หากทำได้) รวมถึงการทดสอบเพิ่มเติมที่ใช้คุณสมบัติ DirectCompute
3DMark 11 Performance GPU
3DMark 11 เป็นการทดสอบ DirectX 11 เก่าโดย Futuremark ซึ่งประกอบไปด้วย 4 การทดสอบจาก 2 ฉาก: ฉากแรกแสดงการสำรวจซากเรือจมใต้น้ำโดยเรือดำน้ำหลายลำ อีกฉากหนึ่งแสดงวัดร้างลึกเข้าไปในป่าทึบ การทดสอบทั้งหมดใช้แสงวอลุ่ม (Volumetric Lighting) และ Tessellation อย่างหนัก แม้จะใช้ความละเอียด 1280x720 แต่ก็ยังค่อนข้างกินทรัพยากรฮาร์ดแวร์ ยกเลิกไปในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย Time Spy
3DMark Vantage Performance
3DMark Vantage เป็นการทดสอบ DirectX 10 เก่าที่ใช้ความละเอียด 1280x1024 โดยมีฉากหลัก 2 ฉาก: ฉากแรกแสดงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งหนีออกจากฐานทัพในถ้ำกลางทะเล และอีกฉากหนึ่งแสดงยานอวกาศบุกโจมตีดาวเคราะห์ที่ไร้การป้องกัน ยกเลิกไปในเดือนเมษายน 2017 และแนะนำให้ใช้การทดสอบ Time Spy แทน
3DMark Fire Strike Graphics
Fire Strike เป็นการทดสอบ DirectX 11 สำหรับเกมพีซี ประกอบด้วยการทดสอบ 2 ฉากที่แสดงการต่อสู้ระหว่างมนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่ทำจากลาวา ใช้ความละเอียด 1920x1080 และสามารถแสดงกราฟิกที่สมจริง กินทรัพยากรฮาร์ดแวร์สูง
GeekBench 5 OpenCL
Geekbench 5 เป็นการทดสอบกราฟิกการ์ดที่แพร่หลาย ประกอบไปด้วยสถานการณ์การทดสอบทั้งหมด 11 รูปแบบ แต่ละรูปแบบอาศัยการประมวลผลของ GPU โดยตรง โดยไม่มีการเรนเดอร์ 3 มิติ การทดสอบนี้ใช้ OpenCL API โดย Khronos Group
ประสิทธิภาพในการเล่นเกม
มาดูกันว่าการ์ดจอที่นำมาเปรียบเทียบเหมาะสำหรับการเล่นเกมมากน้อยแค่ไหน โดยผลการทดสอบเกมเฉพาะจะวัดเป็นเฟรมต่อวินาที (FPS)
ค่า FPS เฉลี่ยจากเกมพีซีทั้งหมด
นี่คือค่าเฉลี่ยเฟรมต่อวินาทีจากเกมยอดนิยมหลากหลายเกมในหลายความละเอียด:
900p | 63
−614%
| 450−500
+614%
|
Full HD | 65
−131%
| 150
+131%
|
1440p | 12−14
−717%
| 98
+717%
|
4K | 8−9
−700%
| 64
+700%
|
ต้นทุนต่อเฟรม, $
1080p | 3.83
−15.2%
| 3.33
+15.2%
|
1440p | 20.75
−308%
| 5.09
+308%
|
4K | 31.13
−299%
| 7.80
+299%
|
ประสิทธิภาพ FPS ในเกมยอดนิยม
Full HD
Low Preset
Atomic Heart | 18−20
−1361%
|
263
+1361%
|
Counter-Strike 2 | 14−16
−893%
|
149
+893%
|
Cyberpunk 2077 | 14−16
−880%
|
147
+880%
|
Full HD
Medium Preset
Atomic Heart | 18−20
−989%
|
196
+989%
|
Battlefield 5 | 30−35
−366%
|
149
+366%
|
Counter-Strike 2 | 14−16
−800%
|
135
+800%
|
Cyberpunk 2077 | 14−16
−827%
|
139
+827%
|
Far Cry 5 | 24−27
−542%
|
154
+542%
|
Fortnite | 45−50
−427%
|
230−240
+427%
|
Forza Horizon 4 | 30−35
−527%
|
200−210
+527%
|
Forza Horizon 5 | 18−20
−783%
|
159
+783%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 27−30
−556%
|
170−180
+556%
|
Valorant | 75−80
−277%
|
290−300
+277%
|
Full HD
High Preset
Atomic Heart | 18−20
−528%
|
113
+528%
|
Battlefield 5 | 30−35
−313%
|
132
+313%
|
Counter-Strike 2 | 14−16
−680%
|
117
+680%
|
Counter-Strike: Global Offensive | 110−120
−134%
|
270−280
+134%
|
Cyberpunk 2077 | 14−16
−740%
|
126
+740%
|
Dota 2 | 55−60
−133%
|
133
+133%
|
Far Cry 5 | 24−27
−517%
|
148
+517%
|
Fortnite | 45−50
−427%
|
230−240
+427%
|
Forza Horizon 4 | 30−35
−527%
|
200−210
+527%
|
Forza Horizon 5 | 18−20
−722%
|
148
+722%
|
Grand Theft Auto V | 27−30
−396%
|
139
+396%
|
Metro Exodus | 14−16
−700%
|
120
+700%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 27−30
−556%
|
170−180
+556%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 20−22
−1050%
|
230
+1050%
|
Valorant | 75−80
−277%
|
290−300
+277%
|
Full HD
Ultra Preset
Battlefield 5 | 30−35
−272%
|
119
+272%
|
Counter-Strike 2 | 14−16
−600%
|
105
+600%
|
Cyberpunk 2077 | 14−16
−580%
|
102
+580%
|
Dota 2 | 55−60
−119%
|
125
+119%
|
Far Cry 5 | 24−27
−488%
|
141
+488%
|
Forza Horizon 4 | 30−35
−527%
|
200−210
+527%
|
Forza Horizon 5 | 18−20
−622%
|
130−140
+622%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 27−30
−556%
|
170−180
+556%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 20−22
−505%
|
121
+505%
|
Valorant | 75−80
−204%
|
237
+204%
|
Full HD
Epic Preset
Fortnite | 45−50
−427%
|
230−240
+427%
|
1440p
High Preset
Counter-Strike 2 | 10−11
−340%
|
40−45
+340%
|
Counter-Strike: Global Offensive | 55−60
−570%
|
350−400
+570%
|
Grand Theft Auto V | 10−11
−880%
|
98
+880%
|
Metro Exodus | 7−8
−971%
|
75
+971%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 40−45
−338%
|
170−180
+338%
|
Valorant | 85−90
−289%
|
300−350
+289%
|
1440p
Ultra Preset
Battlefield 5 | 14−16
−587%
|
103
+587%
|
Cyberpunk 2077 | 6−7
−933%
|
62
+933%
|
Far Cry 5 | 14−16
−733%
|
125
+733%
|
Forza Horizon 4 | 18−20
−839%
|
160−170
+839%
|
Forza Horizon 5 | 12−14
−592%
|
90−95
+592%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 12−14
−858%
|
110−120
+858%
|
1440p
Epic Preset
Fortnite | 14−16
−893%
|
140−150
+893%
|
4K
High Preset
Atomic Heart | 6−7
−667%
|
45−50
+667%
|
Counter-Strike 2 | 2−3
−1450%
|
30−35
+1450%
|
Grand Theft Auto V | 18−20
−550%
|
117
+550%
|
Metro Exodus | 3−4
−1533%
|
49
+1533%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 6−7
−1400%
|
90
+1400%
|
Valorant | 35−40
−708%
|
300−350
+708%
|
4K
Ultra Preset
Battlefield 5 | 7−8
−900%
|
70
+900%
|
Counter-Strike 2 | 2−3
−700%
|
16
+700%
|
Cyberpunk 2077 | 2−3
−1400%
|
30
+1400%
|
Dota 2 | 27−30
−363%
|
125
+363%
|
Far Cry 5 | 8−9
−775%
|
70
+775%
|
Forza Horizon 4 | 12−14
−900%
|
120−130
+900%
|
Forza Horizon 5 | 5−6
−600%
|
35−40
+600%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 7−8
−1229%
|
90−95
+1229%
|
4K
Epic Preset
Fortnite | 7−8
−1029%
|
75−80
+1029%
|
นี่คือวิธีที่ GTX 560 Ti และ RTX 3070 แข่งขันกันในเกมยอดนิยม:
- RTX 3070 เร็วกว่า 614% ในความละเอียด 900p
- RTX 3070 เร็วกว่า 131% ในความละเอียด 1080p
- RTX 3070 เร็วกว่า 717% ในความละเอียด 1440p
- RTX 3070 เร็วกว่า 700% ในความละเอียด 4K
นี่คือช่วงความแตกต่างของประสิทธิภาพที่สังเกตได้จากเกมยอดนิยม:
- ในเกม Metro Exodus ด้วยความละเอียด 4K และการตั้งค่า High Preset อุปกรณ์ RTX 3070 เร็วกว่า 1533%
โดยรวมแล้ว ในเกมยอดนิยม:
- โดยไม่มีข้อยกเว้น RTX 3070 เหนือกว่า GTX 560 Ti ในการทดสอบทั้ง 64 ครั้งของเรา
สรุปข้อดีและข้อเสีย
คะแนนประสิทธิภาพ | 7.85 | 57.26 |
ความใหม่ล่าสุด | 25 มกราคม 2011 | 1 กันยายน 2020 |
จำนวน RAM สูงสุด | 1 จีบี | 8 จีบี |
การผลิตชิปด้วยลิทอกราฟี | 40 nm | 8 nm |
การใช้พลังงาน (TDP) | 170 วัตต์ | 220 วัตต์ |
GTX 560 Ti มีข้อได้เปรียบ ใช้พลังงานน้อยกว่าถึง 29.4%
ในทางกลับกัน RTX 3070 มีข้อได้เปรียบ มีคะแนนประสิทธิภาพรวมสูงกว่าถึง 629.4% และได้เปรียบด้านอายุการเปิดตัวอยู่ที่ 9 ปี และและมีกระบวนการลิทอกราฟีที่ก้าวหน้ากว่าถึง 400%
GeForce RTX 3070 เป็นตัวเลือกที่เราแนะนำ เนื่องจากมีประสิทธิภาพเหนือกว่า GeForce GTX 560 Ti ในการทดสอบประสิทธิภาพ