GeForce RTX 3080 12 GB เทียบกับ GTX 1650
คะแนนประสิทธิภาพรวม
เราได้เปรียบเทียบ GeForce GTX 1650 และ GeForce RTX 3080 12 GB โดยครอบคลุมสเปกและผลการทดสอบที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
RTX 3080 12 GB มีประสิทธิภาพดีกว่า GTX 1650 อย่างมหาศาลถึง 238% ตามผลการทดสอบแบบรวมของเรา
รายละเอียดหลัก
สถาปัตยกรรม GPU, กลุ่มตลาด, ความคุ้มค่า และพารามิเตอร์ทั่วไปอื่นๆ ที่ถูกนำมาเปรียบเทียบ
ตำแหน่งในการจัดอันดับประสิทธิภาพ | 279 | 28 |
จัดอันดับตามความนิยม | 3 | ไม่ได้อยู่ใน 100 อันดับแรก |
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา | 37.69 | 41.10 |
ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 18.80 | 13.61 |
สถาปัตยกรรม | Turing (2018−2022) | Ampere (2020−2024) |
ชื่อรหัส GPU | TU117 | GA102 |
ประเภทตลาด | เดสก์ท็อป | เดสก์ท็อป |
วันที่วางจำหน่าย | 23 เมษายน 2019 (เมื่อ 5 ปี ปีที่แล้ว) | 11 มกราคม 2022 (เมื่อ 3 ปี ปีที่แล้ว) |
ราคาเปิดตัว (MSRP) | $149 | $799 |
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
อัตราส่วนประสิทธิภาพต่อราคา ยิ่งสูงยิ่งดี
RTX 3080 12 GB มีความคุ้มค่ามากกว่า GTX 1650 อยู่ 9%
สเปกโดยละเอียด
พารามิเตอร์ทั่วไป เช่น จำนวนเชดเดอร์, ความถี่พื้นฐานและความถี่บูสต์ของ GPU, กระบวนการผลิต, ความเร็วการประมวลผลและการเท็กซ์เจอร์ โปรดทราบว่าการใช้พลังงานของการ์ดจอบางรุ่นอาจเกินกว่า TDP ที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะเมื่อทำการโอเวอร์คล็อก
พาธไลน์ / คอร์ CUDA | 896 | 8960 |
ความเร็วสัญญาณนาฬิกาหลัก | 1485 MHz | 1260 MHz |
เพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกา | 1665 MHz | 1710 MHz |
จำนวนทรานซิสเตอร์ | 4,700 million | 28,300 million |
เทคโนโลยีกระบวนการผลิต | 12 nm | 8 nm |
การใช้พลังงาน (TDP) | 75 Watt | 350 Watt |
อัตราการเติมเท็กซ์เจอร์ | 93.24 | 478.8 |
ประสิทธิภาพการประมวลผลจุดลอยตัว | 2.984 TFLOPS | 30.64 TFLOPS |
ROPs | 32 | 96 |
TMUs | 56 | 280 |
Tensor Cores | ไม่มีข้อมูล | 280 |
Ray Tracing Cores | ไม่มีข้อมูล | 70 |
ฟอร์มแฟกเตอร์และความเข้ากันได้
ข้อมูลเกี่ยวกับความเข้ากันได้กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่นๆ มีประโยชน์เมื่อเลือกการกำหนดค่าคอมพิวเตอร์ในอนาคตหรืออัปเกรดคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ สำหรับการ์ดจอเดสก์ท็อป จะรวมถึงอินเทอร์เฟซและบัส (ความเข้ากันได้กับเมนบอร์ด) และขั้วต่อไฟเพิ่มเติม (ความเข้ากันได้กับหน่วยจ่ายไฟ)
อินเทอร์เฟซ | PCIe 3.0 x16 | PCIe 4.0 x16 |
ความยาว | 229 mm | 285 mm |
ความกว้าง | 2-slot | 2-slot |
ขั้วต่อพลังงานเสริม | None | 1x 12-pin |
ความจุและประเภทของ VRAM
พารามิเตอร์ของ VRAM ที่ติดตั้ง: ประเภท, ขนาด, บัส, ความถี่ และแบนด์วิดท์ที่ได้ GPU แบบรวมไม่มี VRAM เฉพาะ และใช้ส่วนแบ่งของ RAM ระบบแทน
ประเภทหน่วยความจำ | GDDR5 | GDDR6X |
จำนวน RAM สูงสุด | 4 จีบี | 12 จีบี |
ความกว้างบัสหน่วยความจำ | 128 Bit | 384 Bit |
ความเร็วของนาฬิกาหน่วยความจำ | 2000 MHz | 1188 MHz |
128.0 จีบี/s | 912.4 จีบี/s | |
หน่วยความจำที่ใช้ร่วมกัน | - | - |
การเชื่อมต่อและเอาต์พุต
ประเภทและจำนวนของตัวเชื่อมต่อวิดีโอที่มีใน GPU ที่รีวิว โดยทั่วไป ข้อมูลในส่วนนี้จะแม่นยำเฉพาะสำหรับการ์ดเดสก์ท็อปแบบอ้างอิง (หรือที่เรียกว่า Founders Edition สำหรับชิป NVIDIA) ผู้ผลิต OEM อาจเปลี่ยนแปลงจำนวนและประเภทของพอร์ตเอาต์พุต ในขณะที่สำหรับการ์ดโน้ตบุ๊ก ความพร้อมใช้งานของพอร์ตวิดีโอบางประเภทขึ้นอยู่กับรุ่นของแล็ปท็อปมากกว่าตัวการ์ดเอง
ขั้วต่อจอแสดงผล | 1x DVI, 1x HDMI, 1x DisplayPort | 1x HDMI 2.1, 3x DisplayPort 1.4a |
HDMI | + | + |
ความเข้ากันได้ของ API และ SDK
รายการ API สำหรับการประมวลผล 3D และการประมวลผลทั่วไปที่รองรับ รวมถึงเวอร์ชันเฉพาะ
DirectX | 12 (12_1) | 12 Ultimate (12_2) |
รุ่นเชดเดอร์ | 6.5 | 6.6 |
OpenGL | 4.6 | 4.6 |
OpenCL | 1.2 | 3.0 |
Vulkan | 1.2.131 | 1.3 |
CUDA | 7.5 | 8.6 |
DLSS | - | + |
ประสิทธิภาพการทดสอบแบบสังเคราะห์
การเปรียบเทียบผลการทดสอบที่ไม่เกี่ยวกับเกม โดยคะแนนรวมวัดบนมาตราส่วน 0-100 คะแนน
คะแนนรวมของการทดสอบแบบสังเคราะห์
นี่คือคะแนนการทดสอบแบบรวมของเรา
Passmark
นี่คือการทดสอบ GPU ที่พบได้บ่อยที่สุด โดยจะประเมินการ์ดจอภายใต้ภาระงานหลากหลายประเภท โดยให้การทดสอบแยกต่างหาก 4 ครั้งสำหรับ Direct3D เวอร์ชัน 9, 10, 11 และ 12 (เวอร์ชันสุดท้ายใช้ความละเอียด 4K หากทำได้) รวมถึงการทดสอบเพิ่มเติมที่ใช้คุณสมบัติ DirectCompute
3DMark 11 Performance GPU
3DMark 11 เป็นการทดสอบ DirectX 11 เก่าโดย Futuremark ซึ่งประกอบไปด้วย 4 การทดสอบจาก 2 ฉาก: ฉากแรกแสดงการสำรวจซากเรือจมใต้น้ำโดยเรือดำน้ำหลายลำ อีกฉากหนึ่งแสดงวัดร้างลึกเข้าไปในป่าทึบ การทดสอบทั้งหมดใช้แสงวอลุ่ม (Volumetric Lighting) และ Tessellation อย่างหนัก แม้จะใช้ความละเอียด 1280x720 แต่ก็ยังค่อนข้างกินทรัพยากรฮาร์ดแวร์ ยกเลิกไปในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย Time Spy
3DMark Vantage Performance
3DMark Vantage เป็นการทดสอบ DirectX 10 เก่าที่ใช้ความละเอียด 1280x1024 โดยมีฉากหลัก 2 ฉาก: ฉากแรกแสดงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งหนีออกจากฐานทัพในถ้ำกลางทะเล และอีกฉากหนึ่งแสดงยานอวกาศบุกโจมตีดาวเคราะห์ที่ไร้การป้องกัน ยกเลิกไปในเดือนเมษายน 2017 และแนะนำให้ใช้การทดสอบ Time Spy แทน
3DMark Fire Strike Graphics
Fire Strike เป็นการทดสอบ DirectX 11 สำหรับเกมพีซี ประกอบด้วยการทดสอบ 2 ฉากที่แสดงการต่อสู้ระหว่างมนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่ทำจากลาวา ใช้ความละเอียด 1920x1080 และสามารถแสดงกราฟิกที่สมจริง กินทรัพยากรฮาร์ดแวร์สูง
3DMark Cloud Gate GPU
Cloud Gate เป็นการทดสอบ DirectX 11 ระดับ 10 ที่ล้าสมัย ซึ่งเคยใช้สำหรับพีซีตามบ้านและแล็ปท็อปพื้นฐาน แสดงฉากการปล่อยยานอวกาศผ่านอุปกรณ์เทเลพอร์ตอวกาศประหลาด ด้วยความละเอียด 1280x720 เช่นเดียวกับ Ice Storm Benchmark ถูกยกเลิกในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย 3DMark Night Raid
3DMark Ice Storm GPU
Ice Storm Graphics เป็นการทดสอบล้าสมัยในชุดการทดสอบ 3DMark ซึ่งเคยใช้วัดประสิทธิภาพของแล็ปท็อประดับเริ่มต้นและแท็บเล็ต Windows ใช้คุณสมบัติของ DirectX 11 ระดับ 9 ในการแสดงฉากต่อสู้ระหว่างยานอวกาศสองกองใกล้กับดาวเคราะห์น้ำแข็งที่ความละเอียด 1280x720 ยกเลิกไปในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย 3DMark Night Raid
ประสิทธิภาพในการเล่นเกม
มาดูกันว่าการ์ดจอที่นำมาเปรียบเทียบเหมาะสำหรับการเล่นเกมมากน้อยแค่ไหน โดยผลการทดสอบเกมเฉพาะจะวัดเป็นเฟรมต่อวินาที (FPS)
ค่า FPS เฉลี่ยจากเกมพีซีทั้งหมด
นี่คือค่าเฉลี่ยเฟรมต่อวินาทีจากเกมยอดนิยมหลากหลายเกมในหลายความละเอียด:
Full HD | 69
−164%
| 182
+164%
|
1440p | 41
−195%
| 121
+195%
|
4K | 25
−228%
| 82
+228%
|
ต้นทุนต่อเฟรม, $
1080p | 2.16
+103%
| 4.39
−103%
|
1440p | 3.63
+81.7%
| 6.60
−81.7%
|
4K | 5.96
+63.5%
| 9.74
−63.5%
|
ประสิทธิภาพ FPS ในเกมยอดนิยม
Full HD
Low Preset
Atomic Heart | 50−55
−288%
|
190−200
+288%
|
Counter-Strike 2 | 35−40
−356%
|
160−170
+356%
|
Cyberpunk 2077 | 40−45
−290%
|
160−170
+290%
|
Full HD
Medium Preset
Atomic Heart | 50−55
−386%
|
248
+386%
|
Battlefield 5 | 61
−184%
|
170−180
+184%
|
Counter-Strike 2 | 35−40
−397%
|
179
+397%
|
Cyberpunk 2077 | 40−45
−290%
|
160−170
+290%
|
Far Cry 5 | 69
−148%
|
171
+148%
|
Fortnite | 211
−43.1%
|
300−350
+43.1%
|
Forza Horizon 4 | 90
−180%
|
250−260
+180%
|
Forza Horizon 5 | 60
−185%
|
171
+185%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 90
−96.7%
|
170−180
+96.7%
|
Valorant | 292
−22.9%
|
350−400
+22.9%
|
Full HD
High Preset
Atomic Heart | 50−55
−184%
|
145
+184%
|
Battlefield 5 | 53
−226%
|
170−180
+226%
|
Counter-Strike 2 | 35−40
−328%
|
154
+328%
|
Counter-Strike: Global Offensive | 230−240
−20.3%
|
270−280
+20.3%
|
Cyberpunk 2077 | 40−45
−290%
|
160−170
+290%
|
Dota 2 | 97
−81.4%
|
176
+81.4%
|
Far Cry 5 | 63
−157%
|
162
+157%
|
Fortnite | 85
−255%
|
300−350
+255%
|
Forza Horizon 4 | 83
−204%
|
250−260
+204%
|
Forza Horizon 5 | 50−55
−194%
|
159
+194%
|
Grand Theft Auto V | 81
−91.4%
|
155
+91.4%
|
Metro Exodus | 35
−320%
|
147
+320%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 86
−106%
|
170−180
+106%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 71
−352%
|
321
+352%
|
Valorant | 260
−38.1%
|
350−400
+38.1%
|
Full HD
Ultra Preset
Battlefield 5 | 51
−239%
|
170−180
+239%
|
Counter-Strike 2 | 35−40
−289%
|
140
+289%
|
Cyberpunk 2077 | 40−45
−290%
|
160−170
+290%
|
Dota 2 | 92
−75%
|
161
+75%
|
Far Cry 5 | 59
−156%
|
151
+156%
|
Forza Horizon 4 | 65
−288%
|
250−260
+288%
|
Forza Horizon 5 | 41
−217%
|
130−140
+217%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 66
−168%
|
170−180
+168%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 41
−302%
|
165
+302%
|
Valorant | 70
−413%
|
350−400
+413%
|
Full HD
Epic Preset
Fortnite | 61
−395%
|
300−350
+395%
|
1440p
High Preset
Counter-Strike 2 | 21−24
−195%
|
60−65
+195%
|
Counter-Strike: Global Offensive | 130−140
−252%
|
450−500
+252%
|
Grand Theft Auto V | 40
−225%
|
130
+225%
|
Metro Exodus | 20
−390%
|
98
+390%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 170−180
−1.7%
|
170−180
+1.7%
|
Valorant | 177
−145%
|
400−450
+145%
|
1440p
Ultra Preset
Battlefield 5 | 39
−313%
|
160−170
+313%
|
Cyberpunk 2077 | 18−20
−406%
|
90−95
+406%
|
Far Cry 5 | 40
−268%
|
147
+268%
|
Forza Horizon 4 | 46
−372%
|
210−220
+372%
|
Forza Horizon 5 | 35−40
−214%
|
110−120
+214%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 31
−384%
|
150−160
+384%
|
1440p
Epic Preset
Fortnite | 42
−260%
|
150−160
+260%
|
4K
High Preset
Atomic Heart | 14−16
−293%
|
55−60
+293%
|
Counter-Strike 2 | 9−10
−389%
|
40−45
+389%
|
Grand Theft Auto V | 33
−415%
|
170
+415%
|
Metro Exodus | 12
−442%
|
65
+442%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 26
−408%
|
132
+408%
|
Valorant | 83
−298%
|
300−350
+298%
|
4K
Ultra Preset
Battlefield 5 | 21
−457%
|
110−120
+457%
|
Counter-Strike 2 | 9−10
−156%
|
23
+156%
|
Cyberpunk 2077 | 8−9
−450%
|
40−45
+450%
|
Dota 2 | 59
−164%
|
156
+164%
|
Far Cry 5 | 19
−437%
|
102
+437%
|
Forza Horizon 4 | 30
−460%
|
160−170
+460%
|
Forza Horizon 5 | 16−18
−224%
|
55−60
+224%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 26
−269%
|
95−100
+269%
|
4K
Epic Preset
Fortnite | 11
−618%
|
75−80
+618%
|
นี่คือวิธีที่ GTX 1650 และ RTX 3080 12 GB แข่งขันกันในเกมยอดนิยม:
- RTX 3080 12 GB เร็วกว่า 164% ในความละเอียด 1080p
- RTX 3080 12 GB เร็วกว่า 195% ในความละเอียด 1440p
- RTX 3080 12 GB เร็วกว่า 228% ในความละเอียด 4K
นี่คือช่วงความแตกต่างของประสิทธิภาพที่สังเกตได้จากเกมยอดนิยม:
- ในเกม Fortnite ด้วยความละเอียด 4K และการตั้งค่า Epic Preset อุปกรณ์ RTX 3080 12 GB เร็วกว่า 618%
โดยรวมแล้ว ในเกมยอดนิยม:
- โดยไม่มีข้อยกเว้น RTX 3080 12 GB เหนือกว่า GTX 1650 ในการทดสอบทั้ง 64 ครั้งของเรา
สรุปข้อดีและข้อเสีย
คะแนนประสิทธิภาพ | 20.23 | 68.36 |
ความใหม่ล่าสุด | 23 เมษายน 2019 | 11 มกราคม 2022 |
จำนวน RAM สูงสุด | 4 จีบี | 12 จีบี |
การผลิตชิปด้วยลิทอกราฟี | 12 nm | 8 nm |
การใช้พลังงาน (TDP) | 75 วัตต์ | 350 วัตต์ |
GTX 1650 มีข้อได้เปรียบ ใช้พลังงานน้อยกว่าถึง 366.7%
ในทางกลับกัน RTX 3080 12 GB มีข้อได้เปรียบ มีคะแนนประสิทธิภาพรวมสูงกว่าถึง 237.9% และได้เปรียบด้านอายุการเปิดตัวอยู่ที่ 2 ปี และและมีกระบวนการลิทอกราฟีที่ก้าวหน้ากว่าถึง 50%
GeForce RTX 3080 12 GB เป็นตัวเลือกที่เราแนะนำ เนื่องจากมีประสิทธิภาพเหนือกว่า GeForce GTX 1650 ในการทดสอบประสิทธิภาพ