Radeon RX Vega 9 เทียบกับ UHD Graphics 730 (Rocket Lake)
คะแนนประสิทธิภาพรวม
เราได้เปรียบเทียบ UHD Graphics 730 (Rocket Lake) และ Radeon RX Vega 9 โดยครอบคลุมสเปกและผลการทดสอบที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
UHD Graphics 730 (Rocket Lake) มีประสิทธิภาพดีกว่า RX Vega 9 อย่างมหาศาลถึง 151% ตามผลการทดสอบแบบรวมของเรา
รายละเอียดหลัก
สถาปัตยกรรม GPU, กลุ่มตลาด, ความคุ้มค่า และพารามิเตอร์ทั่วไปอื่นๆ ที่ถูกนำมาเปรียบเทียบ
ตำแหน่งในการจัดอันดับประสิทธิภาพ | 379 | 615 |
จัดอันดับตามความนิยม | ไม่ได้อยู่ใน 100 อันดับแรก | ไม่ได้อยู่ใน 100 อันดับแรก |
ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 64.41 | 25.65 |
สถาปัตยกรรม | ไม่มีข้อมูล | Vega (2017−2020) |
ชื่อรหัส GPU | Rocket Lake GT1 | Vega Raven Ridge |
ประเภทตลาด | แล็ปท็อป | แล็ปท็อป |
วันที่วางจำหน่าย | 30 มีนาคม 2021 (เมื่อ 3 ปี ปีที่แล้ว) | 26 ตุลาคม 2017 (เมื่อ 7 ปี ปีที่แล้ว) |
สเปกโดยละเอียด
พารามิเตอร์ทั่วไป เช่น จำนวนเชดเดอร์, ความถี่พื้นฐานและความถี่บูสต์ของ GPU, กระบวนการผลิต, ความเร็วการประมวลผลและการเท็กซ์เจอร์ โปรดทราบว่าการใช้พลังงานของการ์ดจอบางรุ่นอาจเกินกว่า TDP ที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะเมื่อทำการโอเวอร์คล็อก
พาธไลน์ / คอร์ CUDA | ไม่มีข้อมูล | 576 |
เพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกา | ไม่มีข้อมูล | 1300 MHz |
เทคโนโลยีกระบวนการผลิต | 14 nm | 14 nm |
การใช้พลังงาน (TDP) | 15 Watt | 15 Watt |
ความจุและประเภทของ VRAM
พารามิเตอร์ของ VRAM ที่ติดตั้ง: ประเภท, ขนาด, บัส, ความถี่ และแบนด์วิดท์ที่ได้ GPU แบบรวมไม่มี VRAM เฉพาะ และใช้ส่วนแบ่งของ RAM ระบบแทน
หน่วยความจำที่ใช้ร่วมกัน | - | - |
ความเข้ากันได้ของ API และ SDK
รายการ API สำหรับการประมวลผล 3D และการประมวลผลทั่วไปที่รองรับ รวมถึงเวอร์ชันเฉพาะ
DirectX | ไม่มีข้อมูล | 12_1 |
ประสิทธิภาพการทดสอบแบบสังเคราะห์
การเปรียบเทียบผลการทดสอบที่ไม่เกี่ยวกับเกม โดยคะแนนรวมวัดบนมาตราส่วน 0-100 คะแนน
คะแนนรวมของการทดสอบแบบสังเคราะห์
นี่คือคะแนนการทดสอบแบบรวมของเรา
3DMark 11 Performance GPU
3DMark 11 เป็นการทดสอบ DirectX 11 เก่าโดย Futuremark ซึ่งประกอบไปด้วย 4 การทดสอบจาก 2 ฉาก: ฉากแรกแสดงการสำรวจซากเรือจมใต้น้ำโดยเรือดำน้ำหลายลำ อีกฉากหนึ่งแสดงวัดร้างลึกเข้าไปในป่าทึบ การทดสอบทั้งหมดใช้แสงวอลุ่ม (Volumetric Lighting) และ Tessellation อย่างหนัก แม้จะใช้ความละเอียด 1280x720 แต่ก็ยังค่อนข้างกินทรัพยากรฮาร์ดแวร์ ยกเลิกไปในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย Time Spy
3DMark Vantage Performance
3DMark Vantage เป็นการทดสอบ DirectX 10 เก่าที่ใช้ความละเอียด 1280x1024 โดยมีฉากหลัก 2 ฉาก: ฉากแรกแสดงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งหนีออกจากฐานทัพในถ้ำกลางทะเล และอีกฉากหนึ่งแสดงยานอวกาศบุกโจมตีดาวเคราะห์ที่ไร้การป้องกัน ยกเลิกไปในเดือนเมษายน 2017 และแนะนำให้ใช้การทดสอบ Time Spy แทน
3DMark Fire Strike Graphics
Fire Strike เป็นการทดสอบ DirectX 11 สำหรับเกมพีซี ประกอบด้วยการทดสอบ 2 ฉากที่แสดงการต่อสู้ระหว่างมนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่ทำจากลาวา ใช้ความละเอียด 1920x1080 และสามารถแสดงกราฟิกที่สมจริง กินทรัพยากรฮาร์ดแวร์สูง
3DMark Cloud Gate GPU
Cloud Gate เป็นการทดสอบ DirectX 11 ระดับ 10 ที่ล้าสมัย ซึ่งเคยใช้สำหรับพีซีตามบ้านและแล็ปท็อปพื้นฐาน แสดงฉากการปล่อยยานอวกาศผ่านอุปกรณ์เทเลพอร์ตอวกาศประหลาด ด้วยความละเอียด 1280x720 เช่นเดียวกับ Ice Storm Benchmark ถูกยกเลิกในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย 3DMark Night Raid
ประสิทธิภาพในการเล่นเกม
มาดูกันว่าการ์ดจอที่นำมาเปรียบเทียบเหมาะสำหรับการเล่นเกมมากน้อยแค่ไหน โดยผลการทดสอบเกมเฉพาะจะวัดเป็นเฟรมต่อวินาที (FPS)
ค่า FPS เฉลี่ยจากเกมพีซีทั้งหมด
นี่คือค่าเฉลี่ยเฟรมต่อวินาทีจากเกมยอดนิยมหลากหลายเกมในหลายความละเอียด:
Full HD | 13
−38.5%
| 18
+38.5%
|
ประสิทธิภาพ FPS ในเกมยอดนิยม
Full HD
Low Preset
Atomic Heart | 30−35
+154%
|
12−14
−154%
|
Counter-Strike 2 | 24−27
+100%
|
12−14
−100%
|
Cyberpunk 2077 | 27−30
+145%
|
10−12
−145%
|
Full HD
Medium Preset
Atomic Heart | 30−35
+154%
|
12−14
−154%
|
Battlefield 5 | 55−60
+159%
|
21−24
−159%
|
Counter-Strike 2 | 24−27
+100%
|
12−14
−100%
|
Cyberpunk 2077 | 27−30
+145%
|
10−12
−145%
|
Far Cry 5 | 9
−66.7%
|
14−16
+66.7%
|
Fortnite | 75−80
+245%
|
22
−245%
|
Forza Horizon 4 | 55−60
+133%
|
24−27
−133%
|
Forza Horizon 5 | 35−40
+192%
|
12−14
−192%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 45−50
+140%
|
20−22
−140%
|
Valorant | 110−120
+77.8%
|
60−65
−77.8%
|
Full HD
High Preset
Atomic Heart | 30−35
+154%
|
12−14
−154%
|
Battlefield 5 | 55−60
+159%
|
21−24
−159%
|
Counter-Strike 2 | 24−27
+100%
|
12−14
−100%
|
Counter-Strike: Global Offensive | 180−190
+106%
|
85−90
−106%
|
Cyberpunk 2077 | 27−30
+145%
|
10−12
−145%
|
Dota 2 | 27
−63%
|
40−45
+63%
|
Far Cry 5 | 8
−87.5%
|
14−16
+87.5%
|
Fortnite | 75−80
+375%
|
16
−375%
|
Forza Horizon 4 | 55−60
+133%
|
24−27
−133%
|
Forza Horizon 5 | 35−40
+192%
|
12−14
−192%
|
Grand Theft Auto V | 6
−200%
|
18−20
+200%
|
Metro Exodus | 7
−42.9%
|
10−11
+42.9%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 45−50
+140%
|
20−22
−140%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 35−40
+169%
|
13
−169%
|
Valorant | 110−120
+77.8%
|
60−65
−77.8%
|
Full HD
Ultra Preset
Battlefield 5 | 55−60
+159%
|
21−24
−159%
|
Counter-Strike 2 | 24−27
+100%
|
12−14
−100%
|
Cyberpunk 2077 | 27−30
+145%
|
10−12
−145%
|
Dota 2 | 25
−76%
|
40−45
+76%
|
Far Cry 5 | 8
−87.5%
|
14−16
+87.5%
|
Forza Horizon 4 | 55−60
+133%
|
24−27
−133%
|
Forza Horizon 5 | 35−40
+192%
|
12−14
−192%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 45−50
+140%
|
20−22
−140%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 35−40
+338%
|
8
−338%
|
Valorant | 110−120
+77.8%
|
60−65
−77.8%
|
Full HD
Epic Preset
Fortnite | 75−80
+744%
|
9
−744%
|
1440p
High Preset
Counter-Strike 2 | 16−18
+167%
|
6−7
−167%
|
Counter-Strike: Global Offensive | 95−100
+148%
|
40−45
−148%
|
Grand Theft Auto V | 21−24
+250%
|
6−7
−250%
|
Metro Exodus | 16−18
+300%
|
4−5
−300%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 110−120
+223%
|
35−40
−223%
|
Valorant | 130−140
+136%
|
55−60
−136%
|
1440p
Ultra Preset
Battlefield 5 | 35−40
+500%
|
6−7
−500%
|
Cyberpunk 2077 | 10−12
+175%
|
4−5
−175%
|
Far Cry 5 | 27−30
+190%
|
10−11
−190%
|
Forza Horizon 4 | 30−35
+167%
|
12−14
−167%
|
Forza Horizon 5 | 24−27
+200%
|
8−9
−200%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 21−24
+163%
|
8−9
−163%
|
1440p
Epic Preset
Fortnite | 27−30
+190%
|
10−11
−190%
|
4K
High Preset
Atomic Heart | 10−12
+175%
|
4−5
−175%
|
Counter-Strike 2 | 6−7
+200%
|
2−3
−200%
|
Grand Theft Auto V | 24−27
+47.1%
|
16−18
−47.1%
|
Metro Exodus | 9−10
+200%
|
3−4
−200%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 16−18
+750%
|
2−3
−750%
|
Valorant | 70−75
+173%
|
24−27
−173%
|
4K
Ultra Preset
Battlefield 5 | 18−20
+500%
|
3−4
−500%
|
Counter-Strike 2 | 6−7
+200%
|
2−3
−200%
|
Cyberpunk 2077 | 5−6
+150%
|
2−3
−150%
|
Dota 2 | 45−50
+161%
|
18−20
−161%
|
Far Cry 5 | 14−16
+180%
|
5−6
−180%
|
Forza Horizon 4 | 21−24
+229%
|
7−8
−229%
|
Forza Horizon 5 | 10−12
+267%
|
3−4
−267%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 12−14
+140%
|
5−6
−140%
|
4K
Epic Preset
Fortnite | 12−14
+160%
|
5−6
−160%
|
1440p
Ultra Preset
Counter-Strike 2 | 7−8
+0%
|
7−8
+0%
|
นี่คือวิธีที่ UHD Graphics 730 (Rocket Lake) และ RX Vega 9 แข่งขันกันในเกมยอดนิยม:
- RX Vega 9 เร็วกว่า 38% ในความละเอียด 1080p
นี่คือช่วงความแตกต่างของประสิทธิภาพที่สังเกตได้จากเกมยอดนิยม:
- ในเกม The Witcher 3: Wild Hunt ด้วยความละเอียด 4K และการตั้งค่า High Preset อุปกรณ์ UHD Graphics 730 (Rocket Lake) เร็วกว่า 750%
- ในเกม Grand Theft Auto V ด้วยความละเอียด 1080p และการตั้งค่า High Preset อุปกรณ์ RX Vega 9 เร็วกว่า 200%
โดยรวมแล้ว ในเกมยอดนิยม:
- UHD Graphics 730 (Rocket Lake) เหนือกว่าใน 56การทดสอบ (88%)
- RX Vega 9 เหนือกว่าใน 7การทดสอบ (11%)
- เสมอกันใน 1การทดสอบ (2%)
สรุปข้อดีและข้อเสีย
คะแนนประสิทธิภาพ | 13.86 | 5.52 |
ความใหม่ล่าสุด | 30 มีนาคม 2021 | 26 ตุลาคม 2017 |
UHD Graphics 730 (Rocket Lake) มีข้อได้เปรียบ มีคะแนนประสิทธิภาพรวมสูงกว่าถึง 151.1% และได้เปรียบด้านอายุการเปิดตัวอยู่ที่ 3 ปี
UHD Graphics 730 (Rocket Lake) เป็นตัวเลือกที่เราแนะนำ เนื่องจากมีประสิทธิภาพเหนือกว่า Radeon RX Vega 9 ในการทดสอบประสิทธิภาพ