GeForce RTX 3070 เทียบกับ Radeon RX 580
คะแนนประสิทธิภาพรวม
เราได้เปรียบเทียบ Radeon RX 580 และ GeForce RTX 3070 โดยครอบคลุมสเปกและผลการทดสอบที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
RTX 3070 มีประสิทธิภาพดีกว่า RX 580 อย่างมหาศาลถึง 152% ตามผลการทดสอบแบบรวมของเรา
รายละเอียดหลัก
สถาปัตยกรรม GPU, กลุ่มตลาด, ความคุ้มค่า และพารามิเตอร์ทั่วไปอื่นๆ ที่ถูกนำมาเปรียบเทียบ
ตำแหน่งในการจัดอันดับประสิทธิภาพ | 251 | 45 |
จัดอันดับตามความนิยม | 1 | 40 |
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา | 17.68 | 57.68 |
ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 8.53 | 18.08 |
สถาปัตยกรรม | GCN 4.0 (2016−2020) | Ampere (2020−2024) |
ชื่อรหัส GPU | Polaris 20 | GA104 |
ประเภทตลาด | เดสก์ท็อป | เดสก์ท็อป |
วันที่วางจำหน่าย | 18 เมษายน 2017 (เมื่อ 7 ปี ปีที่แล้ว) | 1 กันยายน 2020 (เมื่อ 4 ปี ปีที่แล้ว) |
ราคาเปิดตัว (MSRP) | $229 | $499 |
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
อัตราส่วนประสิทธิภาพต่อราคา ยิ่งสูงยิ่งดี
RTX 3070 มีความคุ้มค่ามากกว่า RX 580 อยู่ 226%
สเปกโดยละเอียด
พารามิเตอร์ทั่วไป เช่น จำนวนเชดเดอร์, ความถี่พื้นฐานและความถี่บูสต์ของ GPU, กระบวนการผลิต, ความเร็วการประมวลผลและการเท็กซ์เจอร์ โปรดทราบว่าการใช้พลังงานของการ์ดจอบางรุ่นอาจเกินกว่า TDP ที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะเมื่อทำการโอเวอร์คล็อก
พาธไลน์ / คอร์ CUDA | 2304 | 5888 |
ความเร็วสัญญาณนาฬิกาหลัก | 1257 MHz | 1500 MHz |
เพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกา | 1340 MHz | 1725 MHz |
จำนวนทรานซิสเตอร์ | 5,700 million | 17,400 million |
เทคโนโลยีกระบวนการผลิต | 14 nm | 8 nm |
การใช้พลังงาน (TDP) | 185 Watt | 220 Watt |
อัตราการเติมเท็กซ์เจอร์ | 193.0 | 317.4 |
ประสิทธิภาพการประมวลผลจุดลอยตัว | 6.175 TFLOPS | 20.31 TFLOPS |
ROPs | 32 | 96 |
TMUs | 144 | 184 |
Tensor Cores | ไม่มีข้อมูล | 184 |
Ray Tracing Cores | ไม่มีข้อมูล | 46 |
ฟอร์มแฟกเตอร์และความเข้ากันได้
ข้อมูลเกี่ยวกับความเข้ากันได้กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่นๆ มีประโยชน์เมื่อเลือกการกำหนดค่าคอมพิวเตอร์ในอนาคตหรืออัปเกรดคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ สำหรับการ์ดจอเดสก์ท็อป จะรวมถึงอินเทอร์เฟซและบัส (ความเข้ากันได้กับเมนบอร์ด) และขั้วต่อไฟเพิ่มเติม (ความเข้ากันได้กับหน่วยจ่ายไฟ)
อินเทอร์เฟซ | PCIe 3.0 x16 | PCIe 4.0 x16 |
ความยาว | 241 mm | 242 mm |
ความกว้าง | 2-slot | 2-slot |
ขั้วต่อพลังงานเสริม | 1x 8-pin | 1x 12-pin |
ความจุและประเภทของ VRAM
พารามิเตอร์ของ VRAM ที่ติดตั้ง: ประเภท, ขนาด, บัส, ความถี่ และแบนด์วิดท์ที่ได้ GPU แบบรวมไม่มี VRAM เฉพาะ และใช้ส่วนแบ่งของ RAM ระบบแทน
ประเภทหน่วยความจำ | GDDR5 | GDDR6 |
จำนวน RAM สูงสุด | 8 จีบี | 8 จีบี |
ความกว้างบัสหน่วยความจำ | 256 Bit | 256 Bit |
ความเร็วของนาฬิกาหน่วยความจำ | 2000 MHz | 1750 MHz |
256.0 จีบี/s | 448.0 จีบี/s | |
หน่วยความจำที่ใช้ร่วมกัน | - | - |
การเชื่อมต่อและเอาต์พุต
ประเภทและจำนวนของตัวเชื่อมต่อวิดีโอที่มีใน GPU ที่รีวิว โดยทั่วไป ข้อมูลในส่วนนี้จะแม่นยำเฉพาะสำหรับการ์ดเดสก์ท็อปแบบอ้างอิง (หรือที่เรียกว่า Founders Edition สำหรับชิป NVIDIA) ผู้ผลิต OEM อาจเปลี่ยนแปลงจำนวนและประเภทของพอร์ตเอาต์พุต ในขณะที่สำหรับการ์ดโน้ตบุ๊ก ความพร้อมใช้งานของพอร์ตวิดีโอบางประเภทขึ้นอยู่กับรุ่นของแล็ปท็อปมากกว่าตัวการ์ดเอง
ขั้วต่อจอแสดงผล | 1x HDMI, 3x DisplayPort | 1x HDMI, 3x DisplayPort |
HDMI | + | + |
ความเข้ากันได้ของ API และ SDK
รายการ API สำหรับการประมวลผล 3D และการประมวลผลทั่วไปที่รองรับ รวมถึงเวอร์ชันเฉพาะ
DirectX | 12 (12_0) | 12 Ultimate (12_2) |
รุ่นเชดเดอร์ | 6.4 | 6.5 |
OpenGL | 4.6 | 4.6 |
OpenCL | 2.0 | 2.0 |
Vulkan | 1.2.131 | 1.2 |
CUDA | - | 8.5 |
DLSS | - | + |
ประสิทธิภาพการทดสอบแบบสังเคราะห์
การเปรียบเทียบผลการทดสอบที่ไม่เกี่ยวกับเกม โดยคะแนนรวมวัดบนมาตราส่วน 0-100 คะแนน
คะแนนรวมของการทดสอบแบบสังเคราะห์
นี่คือคะแนนการทดสอบแบบรวมของเรา
Passmark
นี่คือการทดสอบ GPU ที่พบได้บ่อยที่สุด โดยจะประเมินการ์ดจอภายใต้ภาระงานหลากหลายประเภท โดยให้การทดสอบแยกต่างหาก 4 ครั้งสำหรับ Direct3D เวอร์ชัน 9, 10, 11 และ 12 (เวอร์ชันสุดท้ายใช้ความละเอียด 4K หากทำได้) รวมถึงการทดสอบเพิ่มเติมที่ใช้คุณสมบัติ DirectCompute
3DMark 11 Performance GPU
3DMark 11 เป็นการทดสอบ DirectX 11 เก่าโดย Futuremark ซึ่งประกอบไปด้วย 4 การทดสอบจาก 2 ฉาก: ฉากแรกแสดงการสำรวจซากเรือจมใต้น้ำโดยเรือดำน้ำหลายลำ อีกฉากหนึ่งแสดงวัดร้างลึกเข้าไปในป่าทึบ การทดสอบทั้งหมดใช้แสงวอลุ่ม (Volumetric Lighting) และ Tessellation อย่างหนัก แม้จะใช้ความละเอียด 1280x720 แต่ก็ยังค่อนข้างกินทรัพยากรฮาร์ดแวร์ ยกเลิกไปในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย Time Spy
3DMark Vantage Performance
3DMark Vantage เป็นการทดสอบ DirectX 10 เก่าที่ใช้ความละเอียด 1280x1024 โดยมีฉากหลัก 2 ฉาก: ฉากแรกแสดงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งหนีออกจากฐานทัพในถ้ำกลางทะเล และอีกฉากหนึ่งแสดงยานอวกาศบุกโจมตีดาวเคราะห์ที่ไร้การป้องกัน ยกเลิกไปในเดือนเมษายน 2017 และแนะนำให้ใช้การทดสอบ Time Spy แทน
3DMark Fire Strike Graphics
Fire Strike เป็นการทดสอบ DirectX 11 สำหรับเกมพีซี ประกอบด้วยการทดสอบ 2 ฉากที่แสดงการต่อสู้ระหว่างมนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่ทำจากลาวา ใช้ความละเอียด 1920x1080 และสามารถแสดงกราฟิกที่สมจริง กินทรัพยากรฮาร์ดแวร์สูง
3DMark Cloud Gate GPU
Cloud Gate เป็นการทดสอบ DirectX 11 ระดับ 10 ที่ล้าสมัย ซึ่งเคยใช้สำหรับพีซีตามบ้านและแล็ปท็อปพื้นฐาน แสดงฉากการปล่อยยานอวกาศผ่านอุปกรณ์เทเลพอร์ตอวกาศประหลาด ด้วยความละเอียด 1280x720 เช่นเดียวกับ Ice Storm Benchmark ถูกยกเลิกในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย 3DMark Night Raid
3DMark Ice Storm GPU
Ice Storm Graphics เป็นการทดสอบล้าสมัยในชุดการทดสอบ 3DMark ซึ่งเคยใช้วัดประสิทธิภาพของแล็ปท็อประดับเริ่มต้นและแท็บเล็ต Windows ใช้คุณสมบัติของ DirectX 11 ระดับ 9 ในการแสดงฉากต่อสู้ระหว่างยานอวกาศสองกองใกล้กับดาวเคราะห์น้ำแข็งที่ความละเอียด 1280x720 ยกเลิกไปในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย 3DMark Night Raid
ประสิทธิภาพในการเล่นเกม
มาดูกันว่าการ์ดจอที่นำมาเปรียบเทียบเหมาะสำหรับการเล่นเกมมากน้อยแค่ไหน โดยผลการทดสอบเกมเฉพาะจะวัดเป็นเฟรมต่อวินาที (FPS)
ค่า FPS เฉลี่ยจากเกมพีซีทั้งหมด
นี่คือค่าเฉลี่ยเฟรมต่อวินาทีจากเกมยอดนิยมหลากหลายเกมในหลายความละเอียด:
Full HD | 97
−54.6%
| 150
+54.6%
|
1440p | 43
−128%
| 98
+128%
|
4K | 37
−73%
| 64
+73%
|
ต้นทุนต่อเฟรม, $
1080p | 2.36
+40.9%
| 3.33
−40.9%
|
1440p | 5.33
−4.6%
| 5.09
+4.6%
|
4K | 6.19
+26%
| 7.80
−26%
|
ประสิทธิภาพ FPS ในเกมยอดนิยม
Full HD
Low Preset
Atomic Heart | 55−60
−353%
|
263
+353%
|
Counter-Strike 2 | 40−45
−263%
|
149
+263%
|
Cyberpunk 2077 | 45−50
−220%
|
147
+220%
|
Full HD
Medium Preset
Atomic Heart | 55−60
−238%
|
196
+238%
|
Battlefield 5 | 124
−20.2%
|
149
+20.2%
|
Counter-Strike 2 | 40−45
−229%
|
135
+229%
|
Cyberpunk 2077 | 45−50
−202%
|
139
+202%
|
Far Cry 5 | 83
−85.5%
|
154
+85.5%
|
Fortnite | 153
−54.2%
|
230−240
+54.2%
|
Forza Horizon 4 | 108
−91.7%
|
200−210
+91.7%
|
Forza Horizon 5 | 60−65
−161%
|
159
+161%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 85
−108%
|
170−180
+108%
|
Valorant | 150−160
−90.9%
|
290−300
+90.9%
|
Full HD
High Preset
Atomic Heart | 55−60
−94.8%
|
113
+94.8%
|
Battlefield 5 | 102
−29.4%
|
132
+29.4%
|
Counter-Strike 2 | 40−45
−185%
|
117
+185%
|
Counter-Strike: Global Offensive | 240−250
−13.5%
|
270−280
+13.5%
|
Cyberpunk 2077 | 45−50
−174%
|
126
+174%
|
Dota 2 | 110−120
−14.7%
|
133
+14.7%
|
Far Cry 5 | 76
−94.7%
|
148
+94.7%
|
Fortnite | 106
−123%
|
230−240
+123%
|
Forza Horizon 4 | 101
−105%
|
200−210
+105%
|
Forza Horizon 5 | 60−65
−143%
|
148
+143%
|
Grand Theft Auto V | 77
−80.5%
|
139
+80.5%
|
Metro Exodus | 48
−150%
|
120
+150%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 70
−153%
|
170−180
+153%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 72
−219%
|
230
+219%
|
Valorant | 150−160
−90.9%
|
290−300
+90.9%
|
Full HD
Ultra Preset
Battlefield 5 | 93
−28%
|
119
+28%
|
Counter-Strike 2 | 40−45
−156%
|
105
+156%
|
Cyberpunk 2077 | 45−50
−122%
|
102
+122%
|
Dota 2 | 110−120
−7.8%
|
125
+7.8%
|
Far Cry 5 | 71
−98.6%
|
141
+98.6%
|
Forza Horizon 4 | 82
−152%
|
200−210
+152%
|
Forza Horizon 5 | 60−65
−146%
|
150−160
+146%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 49
−261%
|
170−180
+261%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 44
−175%
|
121
+175%
|
Valorant | 150−160
−53.9%
|
237
+53.9%
|
Full HD
Epic Preset
Fortnite | 80
−195%
|
230−240
+195%
|
1440p
High Preset
Counter-Strike 2 | 21−24
−100%
|
40−45
+100%
|
Counter-Strike: Global Offensive | 150−160
−148%
|
350−400
+148%
|
Grand Theft Auto V | 35−40
−158%
|
98
+158%
|
Metro Exodus | 28
−168%
|
75
+168%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 170−180
−0.6%
|
170−180
+0.6%
|
Valorant | 190−200
−71.5%
|
300−350
+71.5%
|
1440p
Ultra Preset
Battlefield 5 | 60−65
−68.9%
|
103
+68.9%
|
Cyberpunk 2077 | 21−24
−195%
|
62
+195%
|
Far Cry 5 | 45−50
−155%
|
125
+155%
|
Forza Horizon 4 | 55−60
−207%
|
160−170
+207%
|
Forza Horizon 5 | 35−40
−144%
|
95−100
+144%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 35−40
−229%
|
110−120
+229%
|
1440p
Epic Preset
Fortnite | 50−55
−194%
|
150−160
+194%
|
4K
High Preset
Atomic Heart | 16−18
−171%
|
45−50
+171%
|
Counter-Strike 2 | 10−11
−210%
|
30−35
+210%
|
Grand Theft Auto V | 57
−105%
|
117
+105%
|
Metro Exodus | 18
−172%
|
49
+172%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 27
−233%
|
90
+233%
|
Valorant | 120−130
−148%
|
300−350
+148%
|
4K
Ultra Preset
Battlefield 5 | 37
−89.2%
|
70
+89.2%
|
Counter-Strike 2 | 10−11
−60%
|
16
+60%
|
Cyberpunk 2077 | 9−10
−233%
|
30
+233%
|
Dota 2 | 70−75
−73.6%
|
125
+73.6%
|
Far Cry 5 | 26
−169%
|
70
+169%
|
Forza Horizon 4 | 41
−193%
|
120−130
+193%
|
Forza Horizon 5 | 20−22
−150%
|
50−55
+150%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 18
−417%
|
90−95
+417%
|
4K
Epic Preset
Fortnite | 23
−239%
|
75−80
+239%
|
นี่คือวิธีที่ RX 580 และ RTX 3070 แข่งขันกันในเกมยอดนิยม:
- RTX 3070 เร็วกว่า 55% ในความละเอียด 1080p
- RTX 3070 เร็วกว่า 128% ในความละเอียด 1440p
- RTX 3070 เร็วกว่า 73% ในความละเอียด 4K
นี่คือช่วงความแตกต่างของประสิทธิภาพที่สังเกตได้จากเกมยอดนิยม:
- ในเกม PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS ด้วยความละเอียด 4K และการตั้งค่า Ultra Preset อุปกรณ์ RTX 3070 เร็วกว่า 417%
โดยรวมแล้ว ในเกมยอดนิยม:
- โดยไม่มีข้อยกเว้น RTX 3070 เหนือกว่า RX 580 ในการทดสอบทั้ง 64 ครั้งของเรา
สรุปข้อดีและข้อเสีย
คะแนนประสิทธิภาพ | 22.95 | 57.87 |
ความใหม่ล่าสุด | 18 เมษายน 2017 | 1 กันยายน 2020 |
การผลิตชิปด้วยลิทอกราฟี | 14 nm | 8 nm |
การใช้พลังงาน (TDP) | 185 วัตต์ | 220 วัตต์ |
RX 580 มีข้อได้เปรียบ ใช้พลังงานน้อยกว่าถึง 18.9%
ในทางกลับกัน RTX 3070 มีข้อได้เปรียบ มีคะแนนประสิทธิภาพรวมสูงกว่าถึง 152.2% และได้เปรียบด้านอายุการเปิดตัวอยู่ที่ 3 ปี และมีกระบวนการลิทอกราฟีที่ก้าวหน้ากว่าถึง 75%
GeForce RTX 3070 เป็นตัวเลือกที่เราแนะนำ เนื่องจากมีประสิทธิภาพเหนือกว่า Radeon RX 580 ในการทดสอบประสิทธิภาพ