GeForce RTX 4080 SUPER เทียบกับ Radeon RX 580
คะแนนประสิทธิภาพรวม
เราได้เปรียบเทียบ Radeon RX 580 และ GeForce RTX 4080 SUPER โดยครอบคลุมสเปกและผลการทดสอบที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
RTX 4080 SUPER มีประสิทธิภาพดีกว่า RX 580 อย่างมหาศาลถึง 288% ตามผลการทดสอบแบบรวมของเรา
รายละเอียดหลัก
สถาปัตยกรรม GPU, กลุ่มตลาด, ความคุ้มค่า และพารามิเตอร์ทั่วไปอื่นๆ ที่ถูกนำมาเปรียบเทียบ
ตำแหน่งในการจัดอันดับประสิทธิภาพ | 251 | 6 |
จัดอันดับตามความนิยม | 1 | 72 |
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา | 17.58 | 38.49 |
ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 8.56 | 19.18 |
สถาปัตยกรรม | GCN 4.0 (2016−2020) | Ada Lovelace (2022−2024) |
ชื่อรหัส GPU | Polaris 20 | AD103 |
ประเภทตลาด | เดสก์ท็อป | เดสก์ท็อป |
วันที่วางจำหน่าย | 18 เมษายน 2017 (เมื่อ 7 ปี ปีที่แล้ว) | 8 มกราคม 2024 (เมื่อ 1 ปี ปีที่แล้ว) |
ราคาเปิดตัว (MSRP) | $229 | $999 |
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
อัตราส่วนประสิทธิภาพต่อราคา ยิ่งสูงยิ่งดี
RTX 4080 SUPER มีความคุ้มค่ามากกว่า RX 580 อยู่ 119%
สเปกโดยละเอียด
พารามิเตอร์ทั่วไป เช่น จำนวนเชดเดอร์, ความถี่พื้นฐานและความถี่บูสต์ของ GPU, กระบวนการผลิต, ความเร็วการประมวลผลและการเท็กซ์เจอร์ โปรดทราบว่าการใช้พลังงานของการ์ดจอบางรุ่นอาจเกินกว่า TDP ที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะเมื่อทำการโอเวอร์คล็อก
พาธไลน์ / คอร์ CUDA | 2304 | 10240 |
ความเร็วสัญญาณนาฬิกาหลัก | 1257 MHz | 2295 MHz |
เพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกา | 1340 MHz | 2550 MHz |
จำนวนทรานซิสเตอร์ | 5,700 million | 45,900 million |
เทคโนโลยีกระบวนการผลิต | 14 nm | 5 nm |
การใช้พลังงาน (TDP) | 185 Watt | 320 Watt |
อัตราการเติมเท็กซ์เจอร์ | 193.0 | 816.0 |
ประสิทธิภาพการประมวลผลจุดลอยตัว | 6.175 TFLOPS | 52.22 TFLOPS |
ROPs | 32 | 112 |
TMUs | 144 | 320 |
Tensor Cores | ไม่มีข้อมูล | 320 |
Ray Tracing Cores | ไม่มีข้อมูล | 80 |
ฟอร์มแฟกเตอร์และความเข้ากันได้
ข้อมูลเกี่ยวกับความเข้ากันได้กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่นๆ มีประโยชน์เมื่อเลือกการกำหนดค่าคอมพิวเตอร์ในอนาคตหรืออัปเกรดคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ สำหรับการ์ดจอเดสก์ท็อป จะรวมถึงอินเทอร์เฟซและบัส (ความเข้ากันได้กับเมนบอร์ด) และขั้วต่อไฟเพิ่มเติม (ความเข้ากันได้กับหน่วยจ่ายไฟ)
อินเทอร์เฟซ | PCIe 3.0 x16 | PCIe 4.0 x16 |
ความยาว | 241 mm | 310 mm |
ความกว้าง | 2-slot | 3-slot |
ขั้วต่อพลังงานเสริม | 1x 8-pin | 1x 16-pin |
ความจุและประเภทของ VRAM
พารามิเตอร์ของ VRAM ที่ติดตั้ง: ประเภท, ขนาด, บัส, ความถี่ และแบนด์วิดท์ที่ได้ GPU แบบรวมไม่มี VRAM เฉพาะ และใช้ส่วนแบ่งของ RAM ระบบแทน
ประเภทหน่วยความจำ | GDDR5 | GDDR6X |
จำนวน RAM สูงสุด | 8 จีบี | 16 จีบี |
ความกว้างบัสหน่วยความจำ | 256 Bit | 256 Bit |
ความเร็วของนาฬิกาหน่วยความจำ | 2000 MHz | 1438 MHz |
256.0 จีบี/s | 736.3 จีบี/s | |
หน่วยความจำที่ใช้ร่วมกัน | - | - |
การเชื่อมต่อและเอาต์พุต
ประเภทและจำนวนของตัวเชื่อมต่อวิดีโอที่มีใน GPU ที่รีวิว โดยทั่วไป ข้อมูลในส่วนนี้จะแม่นยำเฉพาะสำหรับการ์ดเดสก์ท็อปแบบอ้างอิง (หรือที่เรียกว่า Founders Edition สำหรับชิป NVIDIA) ผู้ผลิต OEM อาจเปลี่ยนแปลงจำนวนและประเภทของพอร์ตเอาต์พุต ในขณะที่สำหรับการ์ดโน้ตบุ๊ก ความพร้อมใช้งานของพอร์ตวิดีโอบางประเภทขึ้นอยู่กับรุ่นของแล็ปท็อปมากกว่าตัวการ์ดเอง
ขั้วต่อจอแสดงผล | 1x HDMI, 3x DisplayPort | 1x HDMI 2.1, 3x DisplayPort 1.4a |
HDMI | + | + |
ความเข้ากันได้ของ API และ SDK
รายการ API สำหรับการประมวลผล 3D และการประมวลผลทั่วไปที่รองรับ รวมถึงเวอร์ชันเฉพาะ
DirectX | 12 (12_0) | 12 Ultimate (12_2) |
รุ่นเชดเดอร์ | 6.4 | 6.8 |
OpenGL | 4.6 | 4.6 |
OpenCL | 2.0 | 3.0 |
Vulkan | 1.2.131 | 1.3 |
CUDA | - | 8.9 |
DLSS | - | + |
ประสิทธิภาพการทดสอบแบบสังเคราะห์
การเปรียบเทียบผลการทดสอบที่ไม่เกี่ยวกับเกม โดยคะแนนรวมวัดบนมาตราส่วน 0-100 คะแนน
คะแนนรวมของการทดสอบแบบสังเคราะห์
นี่คือคะแนนการทดสอบแบบรวมของเรา
Passmark
นี่คือการทดสอบ GPU ที่พบได้บ่อยที่สุด โดยจะประเมินการ์ดจอภายใต้ภาระงานหลากหลายประเภท โดยให้การทดสอบแยกต่างหาก 4 ครั้งสำหรับ Direct3D เวอร์ชัน 9, 10, 11 และ 12 (เวอร์ชันสุดท้ายใช้ความละเอียด 4K หากทำได้) รวมถึงการทดสอบเพิ่มเติมที่ใช้คุณสมบัติ DirectCompute
3DMark 11 Performance GPU
3DMark 11 เป็นการทดสอบ DirectX 11 เก่าโดย Futuremark ซึ่งประกอบไปด้วย 4 การทดสอบจาก 2 ฉาก: ฉากแรกแสดงการสำรวจซากเรือจมใต้น้ำโดยเรือดำน้ำหลายลำ อีกฉากหนึ่งแสดงวัดร้างลึกเข้าไปในป่าทึบ การทดสอบทั้งหมดใช้แสงวอลุ่ม (Volumetric Lighting) และ Tessellation อย่างหนัก แม้จะใช้ความละเอียด 1280x720 แต่ก็ยังค่อนข้างกินทรัพยากรฮาร์ดแวร์ ยกเลิกไปในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย Time Spy
3DMark Vantage Performance
3DMark Vantage เป็นการทดสอบ DirectX 10 เก่าที่ใช้ความละเอียด 1280x1024 โดยมีฉากหลัก 2 ฉาก: ฉากแรกแสดงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งหนีออกจากฐานทัพในถ้ำกลางทะเล และอีกฉากหนึ่งแสดงยานอวกาศบุกโจมตีดาวเคราะห์ที่ไร้การป้องกัน ยกเลิกไปในเดือนเมษายน 2017 และแนะนำให้ใช้การทดสอบ Time Spy แทน
3DMark Fire Strike Graphics
Fire Strike เป็นการทดสอบ DirectX 11 สำหรับเกมพีซี ประกอบด้วยการทดสอบ 2 ฉากที่แสดงการต่อสู้ระหว่างมนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่ทำจากลาวา ใช้ความละเอียด 1920x1080 และสามารถแสดงกราฟิกที่สมจริง กินทรัพยากรฮาร์ดแวร์สูง
3DMark Cloud Gate GPU
Cloud Gate เป็นการทดสอบ DirectX 11 ระดับ 10 ที่ล้าสมัย ซึ่งเคยใช้สำหรับพีซีตามบ้านและแล็ปท็อปพื้นฐาน แสดงฉากการปล่อยยานอวกาศผ่านอุปกรณ์เทเลพอร์ตอวกาศประหลาด ด้วยความละเอียด 1280x720 เช่นเดียวกับ Ice Storm Benchmark ถูกยกเลิกในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย 3DMark Night Raid
3DMark Ice Storm GPU
Ice Storm Graphics เป็นการทดสอบล้าสมัยในชุดการทดสอบ 3DMark ซึ่งเคยใช้วัดประสิทธิภาพของแล็ปท็อประดับเริ่มต้นและแท็บเล็ต Windows ใช้คุณสมบัติของ DirectX 11 ระดับ 9 ในการแสดงฉากต่อสู้ระหว่างยานอวกาศสองกองใกล้กับดาวเคราะห์น้ำแข็งที่ความละเอียด 1280x720 ยกเลิกไปในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย 3DMark Night Raid
ประสิทธิภาพในการเล่นเกม
มาดูกันว่าการ์ดจอที่นำมาเปรียบเทียบเหมาะสำหรับการเล่นเกมมากน้อยแค่ไหน โดยผลการทดสอบเกมเฉพาะจะวัดเป็นเฟรมต่อวินาที (FPS)
ค่า FPS เฉลี่ยจากเกมพีซีทั้งหมด
นี่คือค่าเฉลี่ยเฟรมต่อวินาทีจากเกมยอดนิยมหลากหลายเกมในหลายความละเอียด:
Full HD | 97
−167%
| 259
+167%
|
1440p | 43
−319%
| 180
+319%
|
4K | 37
−216%
| 117
+216%
|
ต้นทุนต่อเฟรม, $
1080p | 2.36
+63.4%
| 3.86
−63.4%
|
1440p | 5.33
+4.2%
| 5.55
−4.2%
|
4K | 6.19
+38%
| 8.54
−38%
|
ประสิทธิภาพ FPS ในเกมยอดนิยม
Full HD
Low Preset
Atomic Heart | 55−60
−417%
|
300
+417%
|
Counter-Strike 2 | 40−45
−500%
|
246
+500%
|
Cyberpunk 2077 | 45−50
−441%
|
249
+441%
|
Full HD
Medium Preset
Atomic Heart | 55−60
−383%
|
280
+383%
|
Battlefield 5 | 124
−58.9%
|
190−200
+58.9%
|
Counter-Strike 2 | 40−45
−485%
|
240
+485%
|
Cyberpunk 2077 | 45−50
−435%
|
246
+435%
|
Far Cry 5 | 83
−189%
|
240
+189%
|
Fortnite | 153
−97.4%
|
300−350
+97.4%
|
Forza Horizon 4 | 108
−219%
|
344
+219%
|
Forza Horizon 5 | 60−65
−405%
|
308
+405%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 85
−108%
|
170−180
+108%
|
Valorant | 150−160
−252%
|
500−550
+252%
|
Full HD
High Preset
Atomic Heart | 55−60
−274%
|
217
+274%
|
Battlefield 5 | 102
−93.1%
|
190−200
+93.1%
|
Counter-Strike 2 | 40−45
−422%
|
214
+422%
|
Counter-Strike: Global Offensive | 240−250
−13.5%
|
270−280
+13.5%
|
Cyberpunk 2077 | 45−50
−417%
|
238
+417%
|
Dota 2 | 110−120
−245%
|
400−450
+245%
|
Far Cry 5 | 76
−199%
|
227
+199%
|
Fortnite | 106
−185%
|
300−350
+185%
|
Forza Horizon 4 | 101
−239%
|
342
+239%
|
Forza Horizon 5 | 60−65
−367%
|
285
+367%
|
Grand Theft Auto V | 77
−132%
|
179
+132%
|
Metro Exodus | 48
−373%
|
227
+373%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 70
−153%
|
170−180
+153%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 72
−660%
|
547
+660%
|
Valorant | 150−160
−252%
|
500−550
+252%
|
Full HD
Ultra Preset
Battlefield 5 | 93
−112%
|
190−200
+112%
|
Counter-Strike 2 | 40−45
−363%
|
190
+363%
|
Cyberpunk 2077 | 45−50
−333%
|
199
+333%
|
Dota 2 | 110−120
−245%
|
400−450
+245%
|
Far Cry 5 | 71
−199%
|
212
+199%
|
Forza Horizon 4 | 82
−293%
|
322
+293%
|
Forza Horizon 5 | 60−65
−277%
|
230−240
+277%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 49
−261%
|
170−180
+261%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 44
−498%
|
263
+498%
|
Valorant | 150−160
−252%
|
500−550
+252%
|
Full HD
Epic Preset
Fortnite | 80
−278%
|
300−350
+278%
|
1440p
High Preset
Counter-Strike 2 | 21−24
−455%
|
120−130
+455%
|
Counter-Strike: Global Offensive | 150−160
−235%
|
500−550
+235%
|
Grand Theft Auto V | 35−40
−345%
|
169
+345%
|
Metro Exodus | 28
−479%
|
162
+479%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 170−180
−0.6%
|
170−180
+0.6%
|
Valorant | 190−200
−151%
|
450−500
+151%
|
1440p
Ultra Preset
Battlefield 5 | 60−65
−221%
|
190−200
+221%
|
Cyberpunk 2077 | 21−24
−510%
|
128
+510%
|
Far Cry 5 | 45−50
−324%
|
208
+324%
|
Forza Horizon 4 | 55−60
−456%
|
306
+456%
|
Forza Horizon 5 | 35−40
−285%
|
150−160
+285%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 35−40
−531%
|
221
+531%
|
1440p
Epic Preset
Fortnite | 50−55
−196%
|
150−160
+196%
|
4K
High Preset
Atomic Heart | 16−18
−418%
|
85−90
+418%
|
Counter-Strike 2 | 10−11
−1070%
|
117
+1070%
|
Grand Theft Auto V | 57
−228%
|
187
+228%
|
Metro Exodus | 18
−489%
|
106
+489%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 27
−656%
|
204
+656%
|
Valorant | 120−130
−168%
|
300−350
+168%
|
4K
Ultra Preset
Battlefield 5 | 37
−268%
|
130−140
+268%
|
Counter-Strike 2 | 10−11
−180%
|
28
+180%
|
Cyberpunk 2077 | 9−10
−578%
|
61
+578%
|
Dota 2 | 70−75
−275%
|
270−280
+275%
|
Far Cry 5 | 26
−458%
|
145
+458%
|
Forza Horizon 4 | 41
−644%
|
305
+644%
|
Forza Horizon 5 | 20−22
−275%
|
75−80
+275%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 18
−433%
|
95−100
+433%
|
4K
Epic Preset
Fortnite | 23
−243%
|
75−80
+243%
|
นี่คือวิธีที่ RX 580 และ RTX 4080 SUPER แข่งขันกันในเกมยอดนิยม:
- RTX 4080 SUPER เร็วกว่า 167% ในความละเอียด 1080p
- RTX 4080 SUPER เร็วกว่า 319% ในความละเอียด 1440p
- RTX 4080 SUPER เร็วกว่า 216% ในความละเอียด 4K
นี่คือช่วงความแตกต่างของประสิทธิภาพที่สังเกตได้จากเกมยอดนิยม:
- ในเกม Counter-Strike 2 ด้วยความละเอียด 4K และการตั้งค่า High Preset อุปกรณ์ RTX 4080 SUPER เร็วกว่า 1070%
โดยรวมแล้ว ในเกมยอดนิยม:
- โดยไม่มีข้อยกเว้น RTX 4080 SUPER เหนือกว่า RX 580 ในการทดสอบทั้ง 61 ครั้งของเรา
สรุปข้อดีและข้อเสีย
คะแนนประสิทธิภาพ | 22.71 | 88.06 |
ความใหม่ล่าสุด | 18 เมษายน 2017 | 8 มกราคม 2024 |
จำนวน RAM สูงสุด | 8 จีบี | 16 จีบี |
การผลิตชิปด้วยลิทอกราฟี | 14 nm | 5 nm |
การใช้พลังงาน (TDP) | 185 วัตต์ | 320 วัตต์ |
RX 580 มีข้อได้เปรียบ ใช้พลังงานน้อยกว่าถึง 73%
ในทางกลับกัน RTX 4080 SUPER มีข้อได้เปรียบ มีคะแนนประสิทธิภาพรวมสูงกว่าถึง 287.8% และได้เปรียบด้านอายุการเปิดตัวอยู่ที่ 6 ปี และและมีกระบวนการลิทอกราฟีที่ก้าวหน้ากว่าถึง 180%
GeForce RTX 4080 SUPER เป็นตัวเลือกที่เราแนะนำ เนื่องจากมีประสิทธิภาพเหนือกว่า Radeon RX 580 ในการทดสอบประสิทธิภาพ