GeForce RTX 4070 Ti เทียบกับ Radeon RX 580
คะแนนประสิทธิภาพรวม
เราได้เปรียบเทียบ Radeon RX 580 และ GeForce RTX 4070 Ti โดยครอบคลุมสเปกและผลการทดสอบที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
RTX 4070 Ti มีประสิทธิภาพดีกว่า RX 580 อย่างมหาศาลถึง 259% ตามผลการทดสอบแบบรวมของเรา
รายละเอียดหลัก
สถาปัตยกรรม GPU, กลุ่มตลาด, ความคุ้มค่า และพารามิเตอร์ทั่วไปอื่นๆ ที่ถูกนำมาเปรียบเทียบ
ตำแหน่งในการจัดอันดับประสิทธิภาพ | 251 | 8 |
จัดอันดับตามความนิยม | 1 | ไม่ได้อยู่ใน 100 อันดับแรก |
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา | 17.68 | 49.02 |
ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 8.53 | 19.88 |
สถาปัตยกรรม | GCN 4.0 (2016−2020) | Ada Lovelace (2022−2024) |
ชื่อรหัส GPU | Polaris 20 | AD104 |
ประเภทตลาด | เดสก์ท็อป | เดสก์ท็อป |
วันที่วางจำหน่าย | 18 เมษายน 2017 (เมื่อ 7 ปี ปีที่แล้ว) | 3 มกราคม 2023 (เมื่อ 2 ปี ปีที่แล้ว) |
ราคาเปิดตัว (MSRP) | $229 | $799 |
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
อัตราส่วนประสิทธิภาพต่อราคา ยิ่งสูงยิ่งดี
RTX 4070 Ti มีความคุ้มค่ามากกว่า RX 580 อยู่ 177%
สเปกโดยละเอียด
พารามิเตอร์ทั่วไป เช่น จำนวนเชดเดอร์, ความถี่พื้นฐานและความถี่บูสต์ของ GPU, กระบวนการผลิต, ความเร็วการประมวลผลและการเท็กซ์เจอร์ โปรดทราบว่าการใช้พลังงานของการ์ดจอบางรุ่นอาจเกินกว่า TDP ที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะเมื่อทำการโอเวอร์คล็อก
พาธไลน์ / คอร์ CUDA | 2304 | 7680 |
ความเร็วสัญญาณนาฬิกาหลัก | 1257 MHz | 2310 MHz |
เพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกา | 1340 MHz | 2610 MHz |
จำนวนทรานซิสเตอร์ | 5,700 million | 35,800 million |
เทคโนโลยีกระบวนการผลิต | 14 nm | 4 nm |
การใช้พลังงาน (TDP) | 185 Watt | 285 Watt |
อัตราการเติมเท็กซ์เจอร์ | 193.0 | 626.4 |
ประสิทธิภาพการประมวลผลจุดลอยตัว | 6.175 TFLOPS | 40.09 TFLOPS |
ROPs | 32 | 80 |
TMUs | 144 | 240 |
Tensor Cores | ไม่มีข้อมูล | 240 |
Ray Tracing Cores | ไม่มีข้อมูล | 60 |
ฟอร์มแฟกเตอร์และความเข้ากันได้
ข้อมูลเกี่ยวกับความเข้ากันได้กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่นๆ มีประโยชน์เมื่อเลือกการกำหนดค่าคอมพิวเตอร์ในอนาคตหรืออัปเกรดคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ สำหรับการ์ดจอเดสก์ท็อป จะรวมถึงอินเทอร์เฟซและบัส (ความเข้ากันได้กับเมนบอร์ด) และขั้วต่อไฟเพิ่มเติม (ความเข้ากันได้กับหน่วยจ่ายไฟ)
อินเทอร์เฟซ | PCIe 3.0 x16 | PCIe 4.0 x16 |
ความยาว | 241 mm | 285 mm |
ความกว้าง | 2-slot | 2-slot |
ขั้วต่อพลังงานเสริม | 1x 8-pin | 1x 16-pin |
ความจุและประเภทของ VRAM
พารามิเตอร์ของ VRAM ที่ติดตั้ง: ประเภท, ขนาด, บัส, ความถี่ และแบนด์วิดท์ที่ได้ GPU แบบรวมไม่มี VRAM เฉพาะ และใช้ส่วนแบ่งของ RAM ระบบแทน
ประเภทหน่วยความจำ | GDDR5 | GDDR6X |
จำนวน RAM สูงสุด | 8 จีบี | 12 จีบี |
ความกว้างบัสหน่วยความจำ | 256 Bit | 192 Bit |
ความเร็วของนาฬิกาหน่วยความจำ | 2000 MHz | 1313 MHz |
256.0 จีบี/s | 504.2 จีบี/s | |
หน่วยความจำที่ใช้ร่วมกัน | - | - |
การเชื่อมต่อและเอาต์พุต
ประเภทและจำนวนของตัวเชื่อมต่อวิดีโอที่มีใน GPU ที่รีวิว โดยทั่วไป ข้อมูลในส่วนนี้จะแม่นยำเฉพาะสำหรับการ์ดเดสก์ท็อปแบบอ้างอิง (หรือที่เรียกว่า Founders Edition สำหรับชิป NVIDIA) ผู้ผลิต OEM อาจเปลี่ยนแปลงจำนวนและประเภทของพอร์ตเอาต์พุต ในขณะที่สำหรับการ์ดโน้ตบุ๊ก ความพร้อมใช้งานของพอร์ตวิดีโอบางประเภทขึ้นอยู่กับรุ่นของแล็ปท็อปมากกว่าตัวการ์ดเอง
ขั้วต่อจอแสดงผล | 1x HDMI, 3x DisplayPort | 1x HDMI 2.1, 3x DisplayPort 1.4a |
HDMI | + | + |
ความเข้ากันได้ของ API และ SDK
รายการ API สำหรับการประมวลผล 3D และการประมวลผลทั่วไปที่รองรับ รวมถึงเวอร์ชันเฉพาะ
DirectX | 12 (12_0) | 12 Ultimate (12_2) |
รุ่นเชดเดอร์ | 6.4 | 6.7 |
OpenGL | 4.6 | 4.6 |
OpenCL | 2.0 | 3.0 |
Vulkan | 1.2.131 | 1.3 |
CUDA | - | 8.9 |
DLSS | - | + |
ประสิทธิภาพการทดสอบแบบสังเคราะห์
การเปรียบเทียบผลการทดสอบที่ไม่เกี่ยวกับเกม โดยคะแนนรวมวัดบนมาตราส่วน 0-100 คะแนน
คะแนนรวมของการทดสอบแบบสังเคราะห์
นี่คือคะแนนการทดสอบแบบรวมของเรา
Passmark
นี่คือการทดสอบ GPU ที่พบได้บ่อยที่สุด โดยจะประเมินการ์ดจอภายใต้ภาระงานหลากหลายประเภท โดยให้การทดสอบแยกต่างหาก 4 ครั้งสำหรับ Direct3D เวอร์ชัน 9, 10, 11 และ 12 (เวอร์ชันสุดท้ายใช้ความละเอียด 4K หากทำได้) รวมถึงการทดสอบเพิ่มเติมที่ใช้คุณสมบัติ DirectCompute
3DMark 11 Performance GPU
3DMark 11 เป็นการทดสอบ DirectX 11 เก่าโดย Futuremark ซึ่งประกอบไปด้วย 4 การทดสอบจาก 2 ฉาก: ฉากแรกแสดงการสำรวจซากเรือจมใต้น้ำโดยเรือดำน้ำหลายลำ อีกฉากหนึ่งแสดงวัดร้างลึกเข้าไปในป่าทึบ การทดสอบทั้งหมดใช้แสงวอลุ่ม (Volumetric Lighting) และ Tessellation อย่างหนัก แม้จะใช้ความละเอียด 1280x720 แต่ก็ยังค่อนข้างกินทรัพยากรฮาร์ดแวร์ ยกเลิกไปในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย Time Spy
3DMark Vantage Performance
3DMark Vantage เป็นการทดสอบ DirectX 10 เก่าที่ใช้ความละเอียด 1280x1024 โดยมีฉากหลัก 2 ฉาก: ฉากแรกแสดงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งหนีออกจากฐานทัพในถ้ำกลางทะเล และอีกฉากหนึ่งแสดงยานอวกาศบุกโจมตีดาวเคราะห์ที่ไร้การป้องกัน ยกเลิกไปในเดือนเมษายน 2017 และแนะนำให้ใช้การทดสอบ Time Spy แทน
3DMark Fire Strike Graphics
Fire Strike เป็นการทดสอบ DirectX 11 สำหรับเกมพีซี ประกอบด้วยการทดสอบ 2 ฉากที่แสดงการต่อสู้ระหว่างมนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่ทำจากลาวา ใช้ความละเอียด 1920x1080 และสามารถแสดงกราฟิกที่สมจริง กินทรัพยากรฮาร์ดแวร์สูง
3DMark Cloud Gate GPU
Cloud Gate เป็นการทดสอบ DirectX 11 ระดับ 10 ที่ล้าสมัย ซึ่งเคยใช้สำหรับพีซีตามบ้านและแล็ปท็อปพื้นฐาน แสดงฉากการปล่อยยานอวกาศผ่านอุปกรณ์เทเลพอร์ตอวกาศประหลาด ด้วยความละเอียด 1280x720 เช่นเดียวกับ Ice Storm Benchmark ถูกยกเลิกในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย 3DMark Night Raid
3DMark Ice Storm GPU
Ice Storm Graphics เป็นการทดสอบล้าสมัยในชุดการทดสอบ 3DMark ซึ่งเคยใช้วัดประสิทธิภาพของแล็ปท็อประดับเริ่มต้นและแท็บเล็ต Windows ใช้คุณสมบัติของ DirectX 11 ระดับ 9 ในการแสดงฉากต่อสู้ระหว่างยานอวกาศสองกองใกล้กับดาวเคราะห์น้ำแข็งที่ความละเอียด 1280x720 ยกเลิกไปในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย 3DMark Night Raid
ประสิทธิภาพในการเล่นเกม
มาดูกันว่าการ์ดจอที่นำมาเปรียบเทียบเหมาะสำหรับการเล่นเกมมากน้อยแค่ไหน โดยผลการทดสอบเกมเฉพาะจะวัดเป็นเฟรมต่อวินาที (FPS)
ค่า FPS เฉลี่ยจากเกมพีซีทั้งหมด
นี่คือค่าเฉลี่ยเฟรมต่อวินาทีจากเกมยอดนิยมหลากหลายเกมในหลายความละเอียด:
Full HD | 97
−132%
| 225
+132%
|
1440p | 43
−244%
| 148
+244%
|
4K | 37
−151%
| 93
+151%
|
ต้นทุนต่อเฟรม, $
1080p | 2.36
+50.4%
| 3.55
−50.4%
|
1440p | 5.33
+1.4%
| 5.40
−1.4%
|
4K | 6.19
+38.8%
| 8.59
−38.8%
|
ประสิทธิภาพ FPS ในเกมยอดนิยม
Full HD
Low Preset
Atomic Heart | 55−60
−445%
|
316
+445%
|
Counter-Strike 2 | 40−45
−368%
|
190−200
+368%
|
Cyberpunk 2077 | 45−50
−413%
|
236
+413%
|
Full HD
Medium Preset
Atomic Heart | 55−60
−336%
|
253
+336%
|
Battlefield 5 | 124
−55.6%
|
190−200
+55.6%
|
Counter-Strike 2 | 40−45
−368%
|
190−200
+368%
|
Cyberpunk 2077 | 45−50
−374%
|
218
+374%
|
Far Cry 5 | 83
−154%
|
211
+154%
|
Fortnite | 153
−97.4%
|
300−350
+97.4%
|
Forza Horizon 4 | 108
−193%
|
300−350
+193%
|
Forza Horizon 5 | 60−65
−300%
|
244
+300%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 85
−108%
|
170−180
+108%
|
Valorant | 150−160
−205%
|
450−500
+205%
|
Full HD
High Preset
Atomic Heart | 55−60
−210%
|
180
+210%
|
Battlefield 5 | 102
−89.2%
|
190−200
+89.2%
|
Counter-Strike 2 | 40−45
−368%
|
190−200
+368%
|
Counter-Strike: Global Offensive | 240−250
−13.5%
|
270−280
+13.5%
|
Cyberpunk 2077 | 45−50
−302%
|
185
+302%
|
Dota 2 | 110−120
−123%
|
259
+123%
|
Far Cry 5 | 76
−167%
|
203
+167%
|
Fortnite | 106
−185%
|
300−350
+185%
|
Forza Horizon 4 | 101
−213%
|
300−350
+213%
|
Forza Horizon 5 | 60−65
−274%
|
228
+274%
|
Grand Theft Auto V | 77
−131%
|
178
+131%
|
Metro Exodus | 48
−310%
|
197
+310%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 70
−153%
|
170−180
+153%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 72
−529%
|
453
+529%
|
Valorant | 150−160
−205%
|
450−500
+205%
|
Full HD
Ultra Preset
Battlefield 5 | 93
−108%
|
190−200
+108%
|
Counter-Strike 2 | 40−45
−368%
|
190−200
+368%
|
Cyberpunk 2077 | 45−50
−263%
|
167
+263%
|
Dota 2 | 110−120
−109%
|
243
+109%
|
Far Cry 5 | 71
−166%
|
189
+166%
|
Forza Horizon 4 | 82
−285%
|
300−350
+285%
|
Forza Horizon 5 | 60−65
−244%
|
210−220
+244%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 49
−261%
|
170−180
+261%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 44
−405%
|
222
+405%
|
Valorant | 150−160
−205%
|
450−500
+205%
|
Full HD
Epic Preset
Fortnite | 80
−278%
|
300−350
+278%
|
1440p
High Preset
Counter-Strike 2 | 21−24
−350%
|
95−100
+350%
|
Counter-Strike: Global Offensive | 150−160
−235%
|
500−550
+235%
|
Grand Theft Auto V | 35−40
−311%
|
156
+311%
|
Metro Exodus | 28
−368%
|
131
+368%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 170−180
−0.6%
|
170−180
+0.6%
|
Valorant | 190−200
−151%
|
450−500
+151%
|
1440p
Ultra Preset
Battlefield 5 | 60−65
−221%
|
190−200
+221%
|
Cyberpunk 2077 | 21−24
−400%
|
105
+400%
|
Far Cry 5 | 45−50
−271%
|
182
+271%
|
Forza Horizon 4 | 55−60
−413%
|
280−290
+413%
|
Forza Horizon 5 | 35−40
−259%
|
140−150
+259%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 35−40
−469%
|
190−200
+469%
|
1440p
Epic Preset
Fortnite | 50−55
−196%
|
150−160
+196%
|
4K
High Preset
Atomic Heart | 16−18
−353%
|
75−80
+353%
|
Counter-Strike 2 | 10−11
−570%
|
65−70
+570%
|
Grand Theft Auto V | 57
−202%
|
172
+202%
|
Metro Exodus | 18
−367%
|
84
+367%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 27
−452%
|
149
+452%
|
Valorant | 120−130
−168%
|
300−350
+168%
|
4K
Ultra Preset
Battlefield 5 | 37
−268%
|
130−140
+268%
|
Counter-Strike 2 | 10−11
−570%
|
65−70
+570%
|
Cyberpunk 2077 | 9−10
−433%
|
48
+433%
|
Dota 2 | 70−75
−214%
|
226
+214%
|
Far Cry 5 | 26
−327%
|
111
+327%
|
Forza Horizon 4 | 41
−505%
|
240−250
+505%
|
Forza Horizon 5 | 20−22
−250%
|
70−75
+250%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 18
−433%
|
95−100
+433%
|
4K
Epic Preset
Fortnite | 23
−243%
|
75−80
+243%
|
นี่คือวิธีที่ RX 580 และ RTX 4070 Ti แข่งขันกันในเกมยอดนิยม:
- RTX 4070 Ti เร็วกว่า 132% ในความละเอียด 1080p
- RTX 4070 Ti เร็วกว่า 244% ในความละเอียด 1440p
- RTX 4070 Ti เร็วกว่า 151% ในความละเอียด 4K
นี่คือช่วงความแตกต่างของประสิทธิภาพที่สังเกตได้จากเกมยอดนิยม:
- ในเกม Counter-Strike 2 ด้วยความละเอียด 4K และการตั้งค่า High Preset อุปกรณ์ RTX 4070 Ti เร็วกว่า 570%
โดยรวมแล้ว ในเกมยอดนิยม:
- โดยไม่มีข้อยกเว้น RTX 4070 Ti เหนือกว่า RX 580 ในการทดสอบทั้ง 64 ครั้งของเรา
สรุปข้อดีและข้อเสีย
คะแนนประสิทธิภาพ | 22.95 | 82.42 |
ความใหม่ล่าสุด | 18 เมษายน 2017 | 3 มกราคม 2023 |
จำนวน RAM สูงสุด | 8 จีบี | 12 จีบี |
การผลิตชิปด้วยลิทอกราฟี | 14 nm | 4 nm |
การใช้พลังงาน (TDP) | 185 วัตต์ | 285 วัตต์ |
RX 580 มีข้อได้เปรียบ ใช้พลังงานน้อยกว่าถึง 54.1%
ในทางกลับกัน RTX 4070 Ti มีข้อได้เปรียบ มีคะแนนประสิทธิภาพรวมสูงกว่าถึง 259.1% และได้เปรียบด้านอายุการเปิดตัวอยู่ที่ 5 ปี และและมีกระบวนการลิทอกราฟีที่ก้าวหน้ากว่าถึง 250%
GeForce RTX 4070 Ti เป็นตัวเลือกที่เราแนะนำ เนื่องจากมีประสิทธิภาพเหนือกว่า Radeon RX 580 ในการทดสอบประสิทธิภาพ