GeForce RTX 3080 Ti เทียบกับ Radeon RX 580
คะแนนประสิทธิภาพรวม
เราได้เปรียบเทียบ Radeon RX 580 และ GeForce RTX 3080 Ti โดยครอบคลุมสเปกและผลการทดสอบที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
RTX 3080 Ti มีประสิทธิภาพดีกว่า RX 580 อย่างมหาศาลถึง 206% ตามผลการทดสอบแบบรวมของเรา
รายละเอียดหลัก
สถาปัตยกรรม GPU, กลุ่มตลาด, ความคุ้มค่า และพารามิเตอร์ทั่วไปอื่นๆ ที่ถูกนำมาเปรียบเทียบ
ตำแหน่งในการจัดอันดับประสิทธิภาพ | 251 | 22 |
จัดอันดับตามความนิยม | 1 | ไม่ได้อยู่ใน 100 อันดับแรก |
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา | 17.58 | 22.74 |
ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 8.56 | 13.82 |
สถาปัตยกรรม | GCN 4.0 (2016−2020) | Ampere (2020−2024) |
ชื่อรหัส GPU | Polaris 20 | GA102 |
ประเภทตลาด | เดสก์ท็อป | เดสก์ท็อป |
วันที่วางจำหน่าย | 18 เมษายน 2017 (เมื่อ 7 ปี ปีที่แล้ว) | 31 พฤษภาคม 2021 (เมื่อ 3 ปี ปีที่แล้ว) |
ราคาเปิดตัว (MSRP) | $229 | $1,199 |
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
อัตราส่วนประสิทธิภาพต่อราคา ยิ่งสูงยิ่งดี
RTX 3080 Ti มีความคุ้มค่ามากกว่า RX 580 อยู่ 29%
สเปกโดยละเอียด
พารามิเตอร์ทั่วไป เช่น จำนวนเชดเดอร์, ความถี่พื้นฐานและความถี่บูสต์ของ GPU, กระบวนการผลิต, ความเร็วการประมวลผลและการเท็กซ์เจอร์ โปรดทราบว่าการใช้พลังงานของการ์ดจอบางรุ่นอาจเกินกว่า TDP ที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะเมื่อทำการโอเวอร์คล็อก
พาธไลน์ / คอร์ CUDA | 2304 | 10240 |
ความเร็วสัญญาณนาฬิกาหลัก | 1257 MHz | 1365 MHz |
เพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกา | 1340 MHz | 1665 MHz |
จำนวนทรานซิสเตอร์ | 5,700 million | 28,300 million |
เทคโนโลยีกระบวนการผลิต | 14 nm | 8 nm |
การใช้พลังงาน (TDP) | 185 Watt | 350 Watt |
อัตราการเติมเท็กซ์เจอร์ | 193.0 | 532.8 |
ประสิทธิภาพการประมวลผลจุดลอยตัว | 6.175 TFLOPS | 34.1 TFLOPS |
ROPs | 32 | 112 |
TMUs | 144 | 320 |
Tensor Cores | ไม่มีข้อมูล | 320 |
Ray Tracing Cores | ไม่มีข้อมูล | 80 |
ฟอร์มแฟกเตอร์และความเข้ากันได้
ข้อมูลเกี่ยวกับความเข้ากันได้กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่นๆ มีประโยชน์เมื่อเลือกการกำหนดค่าคอมพิวเตอร์ในอนาคตหรืออัปเกรดคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ สำหรับการ์ดจอเดสก์ท็อป จะรวมถึงอินเทอร์เฟซและบัส (ความเข้ากันได้กับเมนบอร์ด) และขั้วต่อไฟเพิ่มเติม (ความเข้ากันได้กับหน่วยจ่ายไฟ)
อินเทอร์เฟซ | PCIe 3.0 x16 | PCIe 4.0 x16 |
ความยาว | 241 mm | 285 mm |
ความกว้าง | 2-slot | 2-slot |
ขั้วต่อพลังงานเสริม | 1x 8-pin | 1x 12-pin |
ความจุและประเภทของ VRAM
พารามิเตอร์ของ VRAM ที่ติดตั้ง: ประเภท, ขนาด, บัส, ความถี่ และแบนด์วิดท์ที่ได้ GPU แบบรวมไม่มี VRAM เฉพาะ และใช้ส่วนแบ่งของ RAM ระบบแทน
ประเภทหน่วยความจำ | GDDR5 | GDDR6X |
จำนวน RAM สูงสุด | 8 จีบี | 12 จีบี |
ความกว้างบัสหน่วยความจำ | 256 Bit | 384 Bit |
ความเร็วของนาฬิกาหน่วยความจำ | 2000 MHz | 1188 MHz |
256.0 จีบี/s | 912.4 จีบี/s | |
หน่วยความจำที่ใช้ร่วมกัน | - | - |
การเชื่อมต่อและเอาต์พุต
ประเภทและจำนวนของตัวเชื่อมต่อวิดีโอที่มีใน GPU ที่รีวิว โดยทั่วไป ข้อมูลในส่วนนี้จะแม่นยำเฉพาะสำหรับการ์ดเดสก์ท็อปแบบอ้างอิง (หรือที่เรียกว่า Founders Edition สำหรับชิป NVIDIA) ผู้ผลิต OEM อาจเปลี่ยนแปลงจำนวนและประเภทของพอร์ตเอาต์พุต ในขณะที่สำหรับการ์ดโน้ตบุ๊ก ความพร้อมใช้งานของพอร์ตวิดีโอบางประเภทขึ้นอยู่กับรุ่นของแล็ปท็อปมากกว่าตัวการ์ดเอง
ขั้วต่อจอแสดงผล | 1x HDMI, 3x DisplayPort | 1x HDMI, 3x DisplayPort |
HDMI | + | + |
ความเข้ากันได้ของ API และ SDK
รายการ API สำหรับการประมวลผล 3D และการประมวลผลทั่วไปที่รองรับ รวมถึงเวอร์ชันเฉพาะ
DirectX | 12 (12_0) | 12 Ultimate (12_2) |
รุ่นเชดเดอร์ | 6.4 | 6.6 |
OpenGL | 4.6 | 4.6 |
OpenCL | 2.0 | 3.0 |
Vulkan | 1.2.131 | 1.2 |
CUDA | - | 8.6 |
DLSS | - | + |
ประสิทธิภาพการทดสอบแบบสังเคราะห์
การเปรียบเทียบผลการทดสอบที่ไม่เกี่ยวกับเกม โดยคะแนนรวมวัดบนมาตราส่วน 0-100 คะแนน
คะแนนรวมของการทดสอบแบบสังเคราะห์
นี่คือคะแนนการทดสอบแบบรวมของเรา
Passmark
นี่คือการทดสอบ GPU ที่พบได้บ่อยที่สุด โดยจะประเมินการ์ดจอภายใต้ภาระงานหลากหลายประเภท โดยให้การทดสอบแยกต่างหาก 4 ครั้งสำหรับ Direct3D เวอร์ชัน 9, 10, 11 และ 12 (เวอร์ชันสุดท้ายใช้ความละเอียด 4K หากทำได้) รวมถึงการทดสอบเพิ่มเติมที่ใช้คุณสมบัติ DirectCompute
3DMark 11 Performance GPU
3DMark 11 เป็นการทดสอบ DirectX 11 เก่าโดย Futuremark ซึ่งประกอบไปด้วย 4 การทดสอบจาก 2 ฉาก: ฉากแรกแสดงการสำรวจซากเรือจมใต้น้ำโดยเรือดำน้ำหลายลำ อีกฉากหนึ่งแสดงวัดร้างลึกเข้าไปในป่าทึบ การทดสอบทั้งหมดใช้แสงวอลุ่ม (Volumetric Lighting) และ Tessellation อย่างหนัก แม้จะใช้ความละเอียด 1280x720 แต่ก็ยังค่อนข้างกินทรัพยากรฮาร์ดแวร์ ยกเลิกไปในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย Time Spy
3DMark Vantage Performance
3DMark Vantage เป็นการทดสอบ DirectX 10 เก่าที่ใช้ความละเอียด 1280x1024 โดยมีฉากหลัก 2 ฉาก: ฉากแรกแสดงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งหนีออกจากฐานทัพในถ้ำกลางทะเล และอีกฉากหนึ่งแสดงยานอวกาศบุกโจมตีดาวเคราะห์ที่ไร้การป้องกัน ยกเลิกไปในเดือนเมษายน 2017 และแนะนำให้ใช้การทดสอบ Time Spy แทน
3DMark Fire Strike Graphics
Fire Strike เป็นการทดสอบ DirectX 11 สำหรับเกมพีซี ประกอบด้วยการทดสอบ 2 ฉากที่แสดงการต่อสู้ระหว่างมนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่ทำจากลาวา ใช้ความละเอียด 1920x1080 และสามารถแสดงกราฟิกที่สมจริง กินทรัพยากรฮาร์ดแวร์สูง
3DMark Cloud Gate GPU
Cloud Gate เป็นการทดสอบ DirectX 11 ระดับ 10 ที่ล้าสมัย ซึ่งเคยใช้สำหรับพีซีตามบ้านและแล็ปท็อปพื้นฐาน แสดงฉากการปล่อยยานอวกาศผ่านอุปกรณ์เทเลพอร์ตอวกาศประหลาด ด้วยความละเอียด 1280x720 เช่นเดียวกับ Ice Storm Benchmark ถูกยกเลิกในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย 3DMark Night Raid
3DMark Ice Storm GPU
Ice Storm Graphics เป็นการทดสอบล้าสมัยในชุดการทดสอบ 3DMark ซึ่งเคยใช้วัดประสิทธิภาพของแล็ปท็อประดับเริ่มต้นและแท็บเล็ต Windows ใช้คุณสมบัติของ DirectX 11 ระดับ 9 ในการแสดงฉากต่อสู้ระหว่างยานอวกาศสองกองใกล้กับดาวเคราะห์น้ำแข็งที่ความละเอียด 1280x720 ยกเลิกไปในเดือนมกราคม 2020 และถูกแทนที่โดย 3DMark Night Raid
ประสิทธิภาพในการเล่นเกม
มาดูกันว่าการ์ดจอที่นำมาเปรียบเทียบเหมาะสำหรับการเล่นเกมมากน้อยแค่ไหน โดยผลการทดสอบเกมเฉพาะจะวัดเป็นเฟรมต่อวินาที (FPS)
ค่า FPS เฉลี่ยจากเกมพีซีทั้งหมด
นี่คือค่าเฉลี่ยเฟรมต่อวินาทีจากเกมยอดนิยมหลากหลายเกมในหลายความละเอียด:
Full HD | 97
−121%
| 214
+121%
|
1440p | 43
−237%
| 145
+237%
|
4K | 37
−162%
| 97
+162%
|
ต้นทุนต่อเฟรม, $
1080p | 2.36
+137%
| 5.60
−137%
|
1440p | 5.33
+55.3%
| 8.27
−55.3%
|
4K | 6.19
+99.7%
| 12.36
−99.7%
|
ประสิทธิภาพ FPS ในเกมยอดนิยม
Full HD
Low Preset
Atomic Heart | 55−60
−247%
|
200−210
+247%
|
Counter-Strike 2 | 40−45
−305%
|
160−170
+305%
|
Cyberpunk 2077 | 45−50
−376%
|
219
+376%
|
Full HD
Medium Preset
Atomic Heart | 55−60
−247%
|
200−210
+247%
|
Battlefield 5 | 124
−40.3%
|
170−180
+40.3%
|
Counter-Strike 2 | 40−45
−305%
|
160−170
+305%
|
Cyberpunk 2077 | 45−50
−300%
|
184
+300%
|
Far Cry 5 | 83
−151%
|
208
+151%
|
Fortnite | 153
−97.4%
|
300−350
+97.4%
|
Forza Horizon 4 | 108
−138%
|
250−260
+138%
|
Forza Horizon 5 | 60−65
−228%
|
200
+228%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 85
−108%
|
170−180
+108%
|
Valorant | 150−160
−138%
|
350−400
+138%
|
Full HD
High Preset
Atomic Heart | 55−60
−247%
|
200−210
+247%
|
Battlefield 5 | 102
−70.6%
|
170−180
+70.6%
|
Counter-Strike 2 | 40−45
−305%
|
160−170
+305%
|
Counter-Strike: Global Offensive | 240−250
−13.5%
|
270−280
+13.5%
|
Cyberpunk 2077 | 45−50
−248%
|
160
+248%
|
Dota 2 | 110−120
−102%
|
234
+102%
|
Far Cry 5 | 76
−161%
|
198
+161%
|
Fortnite | 106
−185%
|
300−350
+185%
|
Forza Horizon 4 | 101
−154%
|
250−260
+154%
|
Forza Horizon 5 | 60−65
−208%
|
188
+208%
|
Grand Theft Auto V | 77
−126%
|
174
+126%
|
Metro Exodus | 48
−258%
|
172
+258%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 70
−153%
|
170−180
+153%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 72
−417%
|
372
+417%
|
Valorant | 150−160
−138%
|
350−400
+138%
|
Full HD
Ultra Preset
Battlefield 5 | 93
−111%
|
196
+111%
|
Counter-Strike 2 | 40−45
−305%
|
160−170
+305%
|
Cyberpunk 2077 | 45−50
−217%
|
146
+217%
|
Dota 2 | 110−120
−87.1%
|
217
+87.1%
|
Far Cry 5 | 71
−162%
|
186
+162%
|
Forza Horizon 4 | 82
−213%
|
250−260
+213%
|
Forza Horizon 5 | 60−65
−195%
|
180−190
+195%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 49
−261%
|
170−180
+261%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 44
−311%
|
181
+311%
|
Valorant | 150−160
−152%
|
388
+152%
|
Full HD
Epic Preset
Fortnite | 80
−278%
|
300−350
+278%
|
1440p
High Preset
Counter-Strike 2 | 21−24
−191%
|
60−65
+191%
|
Counter-Strike: Global Offensive | 150−160
−225%
|
500−550
+225%
|
Grand Theft Auto V | 35−40
−303%
|
153
+303%
|
Metro Exodus | 28
−307%
|
114
+307%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 170−180
−0.6%
|
170−180
+0.6%
|
Valorant | 190−200
−131%
|
400−450
+131%
|
1440p
Ultra Preset
Battlefield 5 | 60−65
−215%
|
192
+215%
|
Cyberpunk 2077 | 21−24
−371%
|
99
+371%
|
Far Cry 5 | 45−50
−259%
|
176
+259%
|
Forza Horizon 4 | 55−60
−302%
|
220−230
+302%
|
Forza Horizon 5 | 35−40
−182%
|
110−120
+182%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 35−40
−337%
|
150−160
+337%
|
1440p
Epic Preset
Fortnite | 50−55
−196%
|
150−160
+196%
|
4K
High Preset
Atomic Heart | 16−18
−253%
|
60−65
+253%
|
Counter-Strike 2 | 10−11
−350%
|
45−50
+350%
|
Grand Theft Auto V | 57
−219%
|
182
+219%
|
Metro Exodus | 18
−322%
|
76
+322%
|
The Witcher 3: Wild Hunt | 27
−463%
|
152
+463%
|
Valorant | 120−130
−167%
|
300−350
+167%
|
4K
Ultra Preset
Battlefield 5 | 37
−268%
|
136
+268%
|
Counter-Strike 2 | 10−11
−350%
|
45−50
+350%
|
Cyberpunk 2077 | 9−10
−456%
|
50
+456%
|
Dota 2 | 70−75
−193%
|
211
+193%
|
Far Cry 5 | 26
−319%
|
109
+319%
|
Forza Horizon 4 | 41
−322%
|
170−180
+322%
|
Forza Horizon 5 | 20−22
−200%
|
60−65
+200%
|
PLAYERUNKNOWN'S BATTLEGROUNDS | 18
−433%
|
95−100
+433%
|
4K
Epic Preset
Fortnite | 23
−243%
|
75−80
+243%
|
นี่คือวิธีที่ RX 580 และ RTX 3080 Ti แข่งขันกันในเกมยอดนิยม:
- RTX 3080 Ti เร็วกว่า 121% ในความละเอียด 1080p
- RTX 3080 Ti เร็วกว่า 237% ในความละเอียด 1440p
- RTX 3080 Ti เร็วกว่า 162% ในความละเอียด 4K
นี่คือช่วงความแตกต่างของประสิทธิภาพที่สังเกตได้จากเกมยอดนิยม:
- ในเกม The Witcher 3: Wild Hunt ด้วยความละเอียด 4K และการตั้งค่า High Preset อุปกรณ์ RTX 3080 Ti เร็วกว่า 463%
โดยรวมแล้ว ในเกมยอดนิยม:
- โดยไม่มีข้อยกเว้น RTX 3080 Ti เหนือกว่า RX 580 ในการทดสอบทั้ง 64 ครั้งของเรา
สรุปข้อดีและข้อเสีย
คะแนนประสิทธิภาพ | 22.71 | 69.38 |
ความใหม่ล่าสุด | 18 เมษายน 2017 | 31 พฤษภาคม 2021 |
จำนวน RAM สูงสุด | 8 จีบี | 12 จีบี |
การผลิตชิปด้วยลิทอกราฟี | 14 nm | 8 nm |
การใช้พลังงาน (TDP) | 185 วัตต์ | 350 วัตต์ |
RX 580 มีข้อได้เปรียบ ใช้พลังงานน้อยกว่าถึง 89.2%
ในทางกลับกัน RTX 3080 Ti มีข้อได้เปรียบ มีคะแนนประสิทธิภาพรวมสูงกว่าถึง 205.5% และได้เปรียบด้านอายุการเปิดตัวอยู่ที่ 4 ปี และและมีกระบวนการลิทอกราฟีที่ก้าวหน้ากว่าถึง 75%
GeForce RTX 3080 Ti เป็นตัวเลือกที่เราแนะนำ เนื่องจากมีประสิทธิภาพเหนือกว่า Radeon RX 580 ในการทดสอบประสิทธิภาพ